สวนกรณีที่กลุ่มคัดค้านจะให้เน้นการผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงชีวมวลนั้น ยืนยันว่าศักยภาพชีวมวลที่จะนำมาเป็นเชื้อเพลิงเพื่อผลิตไฟฟ้ามีไม่เพียงพอ โดยปริมาณชีวมวลรวมกันทั้งหมดสามารถผลิตไฟฟ้าได้เพียง 200 เมกะวัตต์เท่านั้น อย่างไรก็ตาม อาจมีการจัดเวทีเจรจาเพื่อชี้แจงต่อแกนนำในพื้นที่ต่อไป
ด้านนายคุรุจิต นาครทรรพ ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ตามที่กลุ่มคัดค้านการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน จ.กระบี่ ได้ยื่นข้อเรียกร้อง 3 ข้อ ได้แก่ ให้ยกเลิกรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม, เสนอให้เลื่อนการเปิดประมูลโครงการฯ ในวันที่ 5 ส.ค.นี้ ออกไปไม่มีมีกำหนดและการตั้งคณะกรรมการร่วมกันก่อนมีการพิจารณาใดๆ นั้น กระทรวงพลังงานขอน้อมรับฟังความคิดเห็นของกลุ่มผู้คัดค้านโครงการ
แต่กระทรวงยังยืนยันที่จะเตรียมการสร้างโรงไฟฟ้าเทคโนโลยีถ่านหินสะอาด และท่าเทียบเรือบ้านคลองรั้วที่ จ.กระบี่ ซึ่งได้ดำเนินการตามขั้นตอนที่ครบถ้วนตามกฎหมายสิ่งแวดล้อมและการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่ และได้มีการศึกษาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ(EHIA) ของทั้ง 2 โครงการควบคู่กันมาต่อเนื่อง
โดยกระทรวงพลังงานขอให้ประชาชนในพื้นที่ มั่นใจว่าโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ จะไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ สิ่งแวดล้อม และการท่องเที่ยวในพื้นที่อย่างแน่นอน
ทั้งนี้ การสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน ซึ่งเป็นพื้นที่เดิมที่เคยมีโรงไฟฟ้าถ่านหินลิกไนต์ ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.)อยู่แล้วนั้น ก็เพื่อจัดหาไฟฟ้าให้เพียงพอในอนาคตและเป็นไปตามแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า(PDP 2015)เพื่อความมั่นคงทางพลังงาน โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งมีแนวโน้มของการใช้ไฟฟ้าในอัตราที่สูงขึ้นทุกปีอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งจะเป็นการกระจายความเสี่ยงของแหล่งเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้า เนื่องจากปัจจุบันประเทศไทยมีการพึ่งพาก๊าซธรรมชาติในการผลิตไฟฟ้าสูงถึงเกือบ 70% ของการผลิตไฟฟ้าทั้งหมด ที่สำคัญต้นทุนของเชื้อเพลิงถ่านหินเพื่อผลิตไฟฟ้าต่อหน่วย จะทำให้ราคาค่าไฟฟ้ามีเสถียรภาพ ช่วยให้เศรษฐกิจของไทยก้าวหน้าไปได้อย่างมั่นคงและแข่งขันได้ในเวทีโลก เมื่อเทียบกับเชื้อเพลิงชนิดอื่นๆ ที่ราคาแพงกว่า
นอกจากนี้ หากต้องนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว(LNG)เพื่อผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้น เพื่อมาทดแทนการใช้เชื้อเพลิงถ่านหินสะอาด ก็จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อราคาค่าไฟฟ้าที่จำเป็นต้องปรับเพิ่มขึ้นตามต้นทุนเชื้อเพลิง กระทบต่อทุกภาคส่วนของสังคมไทย รวมถึงการท่องเที่ยวและการพาณิชย์บริการด้วย และยังจะกระทบต่อคนไทยส่วนใหญ่ที่อาจต้องจ่ายค่าไฟฟ้าแพงขึ้น หากโครงการโรงไฟฟ้าฯ ต้องเลื่อนออกไปไม่มีกำหนดตามข้อเรียกร้อง ปลัดกระทรวงพลังงานกล่าวเสริมท้าย