นอกจากนั้นยังมีแรงหนุนจากเม็ดเงินกองทุนทริกเกอร์ (Trigger Fund) ที่เริ่มทยอยออกมาบางส่วน บวกกับตลาดเริ่มคลายความกังวลผลกระทบของการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐอเมริกา (Fed fund) ในปีนี้และราคาหุ้นได้สะท้อนปัจจัยดังกล่าวเกือบหมดแล้ว ซึ่งอาจทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกา (USD) เริ่มมีการปรับฐานลง และทำให้มีเม็ดเงินลงทุนไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นเกิดใหม่อีกครั้ง
สำหรับปัจจัยเสี่ยง ยังต้องติดตามผลกระทบจากการปรับลดประมาณการอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ของหน่วยงานต่างๆ หลังจากตัวเลขส่งออกออกมาแย่กว่าที่คาด โดยอาจส่งผลต่อเนื่องไปยังการปรับลดประมาณการของบริษัทจดทะเบียนต่อไป
ขณะที่ความเสี่ยงจากประเด็นปัญหาทางการเงินของกรีซ มีโอกาสจะกลับมาปะทุอีกครั้ง หากกรีซไม่สามารถได้รับเงินช่วยเหลือมูลค่า 8 หมื่นล้านยูโรก่อนกำหนดชำระหนี้ให้กับธนาคารกลางยุโรป (ECB) มูลค่า 3.2 พันล้านยูโรในวันที่ 20 สิงหาคมนี้ สำหรับอีกหนึ่งปัจจัยเสี่ยงได้แก่ การปรับฐานของราคาสินค้าโภคภัณฑ์โดยเฉพาะอย่างยิ่งราคาน้ำมัน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อหุ้นกลุ่มพลังงานได้
นายณัฐชาต กล่าวว่า กลยุทธ์การลงทุนแนะนำการถือหุ้นต่อไป โดยเพิ่มหุ้นแนะนำใหม่ 4 บริษัทซึ่ง ได้แก่ GL, FORTH, SCB, MCS พร้อมคงคำแนะนำต่อเนื่องอีก 16 บริษัท ได้แก่ IRPC, IFEC, BLA, TCAP, KKC, PTTGC, WHA, BANPU, IVL, SYNEX, SUPER, HANA, CEN, TVO, PTT, EVER