นายเมธี สุภาพงษ์ เลขานุการ กนง.ระบุว่า กนง.มองว่าเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 2/58 และแนวโน้มทั้งปีนี้ฟื้นตัวอย่างช้า ๆ แต่มีความเสี่ยงด้านต่ำเพิ่มขึ้นจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน และปัญหาภัยแล้ง โดยแรงขับเคลื่อนหลักมาจากภาคการท่องเที่ยวที่ขยายตัวสูงกว่าคาด และการเบิจ่ายงบลงทุนภาครัฐที่ทำได้ดีต่อเนื่อง ขณะที่การบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนขยายตัวได้อย่างช้าๆ แต่การส่งออกสินค้าหดตัวมากกว่าคาด ซึ่งเป็นผลจากทั้งราคาที่อยู่ในระดับต่ำและปริมาณที่ลดลงตามอุปสงค์จากประเทศคู่ค้าโดยเฉพาะจีนและเอเชีย
ด้านอัตราเงินเฟ้อทั่วไปติดลบต่อเนื่องจากต้นทุนด้านพลังงานเป็นหลัก แต่ได้ผ่านจุดต่ำสุดและจะค่อยๆ ปรับสูงขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี จากผลของฐานราคาน้ำมันสูงที่จะทะยอยหมดไป อย่างไรก็ดี แรงกดดันด้านอุปสงค์ที่ยังมีจำกัด และราคาน้ำมันในตลาดโลกที่มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นช้ากว่าประมาณการเดิม อาจทำให้ช่วงเวลาที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะกลับเป็นบวกเลื่อนออกไปจากที่ประเมินไว้ในการประชุมครั้งก่อนเล็กน้อย ซึ่งคณะกรรมการฯ จะติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไป
นายเมธี กล่าวว่า การตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้ เหตุเพราะ กนง.ได้ปรับลดประมาณการกาตัวเลขทางเศรษฐกิจในปีนี้ลง โดยจะมีการเปิดเผยตัวเลขอย่างเป็นทางการในรายงานครั้งต่อไปเดือน ก.ย.โดยยอมรับว่าเศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลังมีความเสี่ยงจากเรื่องการส่งออก ภาวะเศรษฐกิจโลก การใช้จ่ายในประเทศ รวมทั้งปัญหาภัยแล้งที่ยังคงมีอยู่
ส่วนอัตราเงินเฟ้อนั้น มองว่าได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และจะค่อย ๆ ปรับตัวดีขึ้น โดยจะกลับมาเป็นบวกได้ในปลายไตรมาส 4/58 ส่งผลให้ทั้งปีอัตราเงินเฟ้อยังคงติดลบ แต่น้อยลงจากต้นปี ทั้งนี้ ธปท.จะไม่มีการปรับประมาณการเงินเฟ้อเพื่อไม่ให้กระทบกับการคาดการณ์ของตลาด
นายเมธี กล่าวว่ากรณีเงินบาทที่อ่อนค่าลงในช่วงนี้ โดยยอมรับว่าบาทอ่อนค่าเร็วและมองเป็นทิศทางต่อเนื่อง แม้ว่าจะอ่อนค่าไปเร็วบ้าง แต่ก็ถือว่าเป็นการช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจโดยเฉพาะภาคการส่งออก ซึ่ง ธปท.ได้ศึกษามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากเครื่องมือนโยบายการเงินในหลายตัว นอกเหนือจากนโยบายอัตราดอกเบี้ยและนโยบายอัตราแลกเปลี่ยน โดยเป็นการศึกษาไว้ แต่ยังไม่ตัดสินใจจะดำเนินการในตอนนี้
ส่วนกรณีคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน(FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ(FED) ส่งสัญญาณว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยในช่วงเดือนก.ย.นั้น นายเมธี มองว่า ระยะเวลาอาจจะยังไม่ชัดเจนนัก แต่ก็คงจะปรับขึ้นดอกเบี้ยไม่เกินภายในปีนี้แน่นอน และผลการขึ้นดอกเบี้ยอาจทำให้เกิดความผันผวนในตลาดการเงินของไทยได้ แต่เชื่อว่าธนาคารแห่งประเทศไทยจะสามารถบริหารจัดการได้