นาย
สราวุธ แก้วตาทิพย์ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์(สนย.) เปิดเผยว่า
กระทรวงพลังงานคาดหวังว่าการพิจารณารายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ(EHIA) โครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ จะดำเนินการเสร็จสิ้นภายในสิ้นปีนี้ เพราะหากเลื่อนการก่อสร้างออกไปจนไม่สามารถจ่ายไฟฟ้าได้ตามแผนอาจส่งผลกระทบต่อแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าระยะยาว(พีดีพี 2015) ซึ่งกำหนดสัดส่วนถ่านหินเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันอยู่ที่ 20% เป็น 25% ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้เตรียมแผนสำรองไว้ เพราะยังคาดหวังว่าโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่จะสามารถเกิดขึ้นได้ตามแผน เพื่อกระจายความเสี่ยงด้านเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้า
ทั้งนี้ตามแผนงานที่กำหนดไว้ หากโรงไฟฟ้าถ่านหินไม่สามารถเกิดขึ้นได้จะต้องพึ่งพาการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว(LNG) เพิ่มขึ้น โดยในปีนี้นำเข้าอยู่ที่ 3 ล้านตัน แต่ในปลายแผนพีดีพี 2015 จะนำเข้า 20 ล้านตัน แต่หากไม่มีโรงไฟฟ้าถ่านหินเกิดขึ้นตามแผนตัวเลขการนำเข้า LNG จะอยู่ที่ 35 ล้านตัน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อต้นทุนค่าไฟของไทยเพิ่มขึ้น และกระทบต่อศักยภาพการแข่งขันของไทยกับคู่แข่งด้วย
อินโฟเควสท์ โดย อตฦ/ธนวัฏ/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--