การเปิดประมูลข้าวครั้งนี้ ได้รับความสนใจจากผู้ส่งออกและผู้ประกอบการโรงสี ทั้งรายเล็กและรายใหญ่แสดงความจำนงเข้าร่วมการประมูลจำนวนมาก โดยเมื่อวานนี้(10 ส.ค.) มีผู้ยื่นซองเอกสารคุณสมบัติ รวม 58 ราย และในวันนี้ได้ประกาศผลผู้ผ่านคุณสมบัติเบื้องต้นทั้งสิ้น 58 ราย แต่ปรากฎว่ามีผู้มายื่นซองเสนอราคา จำนวน 47 ราย ใน 50 คลัง โดยมีผู้เสนอราคาที่ผ่านเกณฑ์มูลค่าขั้นต่ำ(Floor Value : FV) จำนวน 19 ราย ใน 50 คลัง ปริมาณ 426,977 ตัน (คิดเป็นร้อยละ 64 ของปริมาณที่เปิดประมูล) มูลค่าประมาณ 6,293 ล้านบาท
ทั้งนี้ ชนิดข้าวที่ขายได้มากที่สุด 5 อันดับแรก เป็นข้าวขาว 5% ปริมาณ 186,924 ตัน คิดเป็นร้อยละ 28 รองลงมา ได้แก่ ข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 2 ปริมาณ 130,277 ตัน คิดเป็นร้อยละ 19, ปลายข้าวขาวเอวันเลิศ ปริมาณ 86,726 ตัน คิดเป็นร้อยละ 12 และปลายข้าวหอมมะลิ ปริมาณ 15,000 ตัน คิดเป็นร้อยละ 2.25 ของปริมาณที่เปิดประมูล โดยในครั้งนี้มีคลังที่ไม่มีผู้เสนอราคา รวม 32 คลัง และข้าวที่ไม่มีผู้เสนอราคาซื้อ ได้แก่ ข้าวขาว 10% และข้าวท่อนหอมมะลิ
กรมการค้าต่างประเทศจะรวบรวมผลการเสนอซื้อที่มีมูลค่าสูงสุดในแต่ละคลัง นำเสนอต่อประธานคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว(นบข.) เพื่อพิจารณาผลการเสนอซื้อ ก่อนแจ้งผลการประมูลข้าวสารในสต็อกของรัฐอย่างเป็นทางการให้ผู้ชนะการประมูลทราบต่อไป