โดยหนี้ของรัฐบาลเพิ่มขึ้น 6,771.99 ล้านบาท เนื่องจากการลดลงของตั๋วเงินคลังสุทธิจำนวน 20,000 ล้านบาท, การกู้เงินเพื่อการลงทุนจากแหล่งเงินกู้ในประเทศและต่างประเทศจำนวน 3,130.79 ล้านบาท(การกู้เงินเพื่อให้ บมจ.การบินไทย กู้ต่อ จำนวน 1,693.33 ล้านบาท สำหรับโครงการซื้อเครื่องบินแอร์บัส A340-600, การกู้เงินเพื่อให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.) และการรถไฟแห่งประเทศไทย(ร.ฟ.ท.) กู้ต่อจำนวน 1,410.11 ล้านบาท สำหรับดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว สายสีน้ำเงิน สายสีม่วง และรถไฟสายสีแดง, กรมทางหลวงเบิกจ่ายเงินกู้เพื่อให้ใช้ในโครงการก่อสร้างทางสายหลักเป็น 4 ช่องจราจร (ระยะที่ 2) จำนวน 27.35 ล้านบาท, การกู้เงินบาททดแทนเงินกู้ต่างประเทศเพื่อใช้ในโครงการเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน(DPL) จำนวน 173 ล้านบาท, การกู้ล่วงหน้าเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ จำนวน 23,779 ล้านบาท, การชำระหนี้ที่กู้มาเพื่อชดใช้ความเสียหายให้แก่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ จำนวน 32 ล้านบาท และการชำระคืนหนี้ภายใต้ พ.ร.บ. การบริหารหนี้สาธารณะ จำนวน 24 ล้านบาท
ขณะที่หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงินมียอดหนี้คงค้างลดลง 2,810.38 ล้านบาท เนื่องจากการชำระคืนต้นเงินกู้ในประเทศมากกว่าการเบิกจ่ายเงินกู้ ซึ่งในเดือนมิถุนายน 2558 มีการกู้เงินเพื่อลงทุนที่สำคัญ ได้แก่ การกู้เงินเพื่อเช่าซื้อเครื่องบินแอร์บัส 777-300ER ของ บมจ.การบินไทย จำนวน 5,435.04 ล้านบาท และการเบิกจ่ายเงินกู้เพื่อดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงของ รฟม.จำนวน 10.83 ล้านบาท
ส่วนหนี้ของรัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน(รัฐบาลค้ำประกัน) มียอดหนี้คงค้างลดลง 6,384.72 ล้านบาท เนื่องจากรัฐวิสาหกิจต่างๆ มีการชำระคืนต้นเงินกู้มากกว่าการเบิกจ่ายเงินกู้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยมีรายการที่สำคัญ ได้แก่ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ไถ่ถอนพันธบัตรที่กู้มาเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ที่ครบกำหนด จำนวน 4,000 ล้านบาท และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรชำระหนี้เงินต้นที่กู้มาเพื่อดำเนินโครงการรับจำนำข้าว โดยใช้เงินจากการระบายข้าว จำนวน 2,365 ล้านบาท
และหน่วยงานของรัฐมียอดหนี้คงค้างลดลง 93.75 ล้านบาท เนื่องจากสำนักงานธนานุเคราะห์ชำระคืนต้นเงินตามสัญญาเงินกู้
โฆษก สบน.กล่าวว่า หนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2558 เท่ากับ 5,682,490.76 ล้านบาท แบ่งเป็น หนี้ในประเทศ 5,343,785.99 ล้านบาท หรือ 94.01% และหนี้ต่างประเทศ 340,704.77 ล้านบาท(ประมาณ 10,110.50 ล้านเหรียญสหรัฐ) หรือเท่ากับ 5.99% ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง และหากเปรียบเทียบกับเงินสำรองระหว่างประเทศ จำนวน 160,273.97 ล้านเหรียญสหรัฐ (ข้อมูล ณ 30 มิถุนายน 2558) หนี้ต่างประเทศจะคิดเป็นสัดส่วนเพียง 6.31% ของเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงเสถียรภาพและความมั่นคงในด้านการเงินของประเทศ
โดยหนี้สาธารณะแบ่งออกเป็นหนี้ระยะยาวถึง 5,572,279.97 ล้านบาท หรือ 98.03% และมีหนี้ระยะสั้น 112,210.79 ล้านบาท หรือ 1.97% ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง