พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินลิกไนต์นั้นรัฐบาลนี้ได้ดำเนินการต่อเนื่องจากรัฐบาลชุดก่อน และทำตามกติกาที่มีอยู่ เช่น การจัดทำ EIA และ EHIA ที่จะกำหนดว่าจะเดินหน้าโครงการได้หรือไม่ โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจะดำเนินการในเรื่องนี้ ซึ่งทุกฝ่ายต้องทำงานร่วมกันโดยไม่มีความขัดแย้ง ซึ่งหากกรณีไม่ผ่านผลการศึกษาก็ต้องกลับมาทำความเข้าใจร่วมกันว่ามีปัญหาในส่วนใด เพราะที่สำคัญต้องคำนึงถึงการสร้างความมั่นคงทางพลังงานด้วย
"วันนี้ถือว่ามีความเข้าใจที่ตรงกัน หากจะใช้แนวทางของพลังงานทดแทนในการผลิตไฟฟ้าต้องยอมรับว่าจะทำให้ราคาไฟฟ้าสูงขึ้นจากค่าการผลิตที่อาจจะแพงกว่าถึงสองเท่า และราคาค่าไฟฟ้าพื้นฐานก็จะต้องเท่ากันทั่วประเทศ นอกจากนี้ยังต้องพิจารณาถึงความเสถียรของการใช้พลังงานทดแทนด้วย"
นอกจากนี้ ที่ประชุมฯ ยังได้พิจารณาเรื่องระบบสายส่งไฟฟ้าในแผนระยะยาว 20 ปี ถึงปี 2579 เพื่อให้สอดคล้องกับแผนอนุรักษ์พลังงานโลก โดยปัญหาต่างๆรัฐบาลจะทำให้เกิดความชัดเจนให้มากที่สุด เกิดความเป็นธรรม และสร้างความเชื่อใจให้เกิดขึ้น ขณะที่ปัญหาที่ภาคเอกชนผลิตไฟฟ้าแต่ไม่มีสายส่ง รัฐบาลก็จะพิจารณาแก้ปัญหาในส่วนที่เห็นว่ามีความคุ้มค่า ส่วนที่เหลือก็จะพิจารณาในระยะต่อไป
นายกรัฐมนตรีได้ชี้แจงกรณีที่กลุ่มต่อต้านการสร้างโรงไฟฟ้าที่ออกมาระบุว่า รัฐบาลมีการผลิตไฟฟ้าเกินร้อยละ 40 ของความต้องการว่า ข้อเท็จจริงแล้วเป็นเพียงแผนการดำเนินการที่ยังไม่สามารถผลิตไฟฟ้าได้ตามที่มีการออกมาระบุ เพราะหลายโครงการยังไม่ได้ก่อสร้าง ซึ่งรัฐบาลพร้อมเปิดกว้างรับฟังทุกความคิดเห็นเพื่อให้เกิดความไว้ใจระหว่างกัน ส่วนที่มีการให้เหตุผลว่าบางเรื่องจะกระทบผู้มีรายได้น้อยนั้น ยืนยันว่ารัฐบาลต้องพิจารณาทุกอย่างอย่างรอบด้านและคำนึกถึงประโยชน์ของประชาชนและประโยชน์ของประเทศอยู่แล้ว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่อยากให้บางฝ่ายวิจารณ์ว่าการทำงานของคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ หรือ คตร.ทำให้เกิดความล่าช้าในการดำเนินโครงการต่างๆ ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอน และตรวจสอบตามความเหมาะสมในแต่ละโครงการ ยืนยันว่าไม่ได้ตรวจสอบนับหมื่นโครงการตามที่มีการกล่าวอ้าง ทั้งนี้หากพบว่าโครงการใดมีข้อบกพร่องเล็กน้อยก็ให้ทำการแก้ไขและดำเนินโครงการต่อ แต่หากโครงการใดผิดหลักเกณฑ์ก็ต้องส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบเพื่อดำเนินการต่อไป ขณะที่โครงการพื้นฐานโครงสร้างขนาดใหญ่ เช่น การพัฒนาระบบรางนั้น ไม่ใช่เรื่องของการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ แต่เป็นเรื่องของความร่วมมือที่ต้องคำนึงถึงด้านต่างๆ เช่น ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยไม่มีผลประโยชน์อื่นเข้ามาเกี่ยวข้องและย้ำว่าเป็นการวางรากฐานให้กับประเทศ