ทั้งนี้ ไม่ต้องการให้วิตกกังวลมากเกินไป โดยเชื่อภาคการส่งออกของไทยยังได้รับผลดี เพราะจะช่วยกระตุ้นการส่งออกของจีนให้ดีขึ้น และมีผลให้จีนนำเข้าสินค้าขั้นต้นและขั้นกลางจากไทยไปผลิตเป็นสินค้าสำเร็จรูปส่งออกได้มากขึ้น ซึ่งกระทรวงฯ ยังไม่จำเป็นต้องปรับแผนผลักดันการส่งออกใหม่ และจะไม่ปรับเป้าหมายการส่งออกปี 58 ที่ตั้งเป้าหมายติดลบ 3% จากปีก่อนด้วย
"ไม่อยากให้กังวลมากเกินไป โอกาสที่ดียังมีอยู่ และอยากให้มองในมุมของประโยชน์ เพราะเชื่อว่าจีนจะนำเข้าสินค้าจากไทยอยู่ เพราะเป็นวัตถุดิบผลิตสินค้าของจีน และจีนก็ประกาศแล้วว่าจะไม่ปรับลดค่าเงินหยวนอีกจากที่ได้ไปลดแล้ว ส่วนในแง่การท่องเที่ยว หรือเศรษฐกิจไทย คงต้องรอให้คุยกับหน่วยงานต่างๆ วันอังคารนี้ก่อน" พล.อ.ฉัตรชัยกล่าว
พร้อมระบุว่า จากการเดินทางไปเยือนจีนเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา พบว่าสถานการณ์การค้าระหว่างจีนกับไทยยังคงปกติ โดยจีนกำหนดที่จะเซ็นสัญญาซื้อข้าวจากไทย 1 ล้านตัน ในช่วงกลางเดือนก.ย.นี้ แม้ว่าค่าเงินหยวนอ่อนค่าลงไป และอาจทำให้การนำเข้าจากไทยแพงขึ้น แต่จะไม่กระทบต่อการลงนามซื้อขายข้าวดังกล่าวแน่นอน เพราะตามข้อตกลงเป็นการซื้อขายในราคาตลาดตามช่วงเวลาที่ส่งมอบอยู่แล้ว
รมว.พาณิชย์ กล่าวถึงแผนยุทธศาสตร์ในการผลักดันการส่งออกในช่วงที่เหลือว่า มีกำหนดจะเดินทางไปเยือนตุรกี อิหร่าน สหรัฐฯ จีน เพื่อเจรจาการค้าระหว่างกันให้เพิ่มขึ้น โดยก่อนหน้านี้ได้เดินทางไปเยือนปากีสถาน และได้บรรลุข้อตกลงร่วมกันที่จะเปิดเจราจาจัดทำข้อตกลงเขตการค้าเสรี (FTA) ระหว่างกัน ซึ่งจะทำให้มูลค่าการค้าทั้งสองฝ่ายเพิ่มขึ้น 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 60 จากปัจจุบันที่มีมูลค่าการค้าระหว่างกันอยู่ที่ 1,000 ล้านเหรียญฯ
พล.อ.ฉัตรชัย ยังกล่าวถึงกระแสการปรับคณะรัฐมนตรี ซึ่งอาจจะถูกปรับออกจากกระทรวงพาณิชย์ว่า ยังไม่มีโอกาสได้หารือกับนายกรัฐมนตรีในเรื่องนี้ แต่เชื่อมั่นว่านายกรัฐมนตรีจะมีข้อมูลจัดสรรตำแหน่งผู้บริหารกระทรวงต่างๆ เป็นอย่างดี โดยส่วนตัวถือว่าโชคดีที่ได้ทำงานร่วมกับข้าราชการกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งให้การสนับสนุนและให้ความร่วมมือในการทำงานเป็นอย่างดี ไม่เข้าใจว่าเหตุใดจึงมีชื่อจะถูกปรับออกไปทำงานในหลายๆ กระทรวง