อย่างไรก็ดี หากจีนมีการประกาศลดค่าเงินอีก ธปท.ก็ไม่มีนโยบายที่จะเข้าไปฝืน แต่คงปล่อยให้เป็นไปตามกลไก และติดตามดูแลอย่างใกล้ชิด ซึ่งหากพบว่ามีความผิดปกติอย่างมีนัยสำคัญจนส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจไม่สามารถแข่งขันได้ ธปท.ก็อาจจะต้องเข้าไปดูแลบ้าง
"ธปท.จะต้องติดตามการดำเนินนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนของจีน ว่าจะมีทิศทางอย่างไร ซึ่งจากข้อมูลขณะนี้ ยังไม่สามารถฟันธงได้ว่าจะมีผลกระทบอะไรเกิดขึ้นบ้าง เนื่องจากไม่สามารถอ่านใจทางการจีนได้ 100%
ทั้งนี้ เชื่อว่าการปรับลดค่าเงินของจีน เมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ เป็นการปรับให้เป็นไปตามกลไกตลาด หลังจากต้นปีที่ผ่านมา ค่าเงินในกลุ่มประเทศเอเชียเมื่อเทียบกับสหรัฐอ่อนค่าต่อเนื่อง โดยไทยอ่อนค่าลง 7% ขณะที่จีนค่าเงินเกาะกับสหรัฐ แต่ภายหลังประกาศลดค่าเงินหยวนเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็ส่งผลทำให้ค่าเงินหยวนอ่อนลง 4% กว่าซึ่งทำให้กลับมาสอดคล้องกับภูมิภาค" ผู้ว่า ธปท. กล่าว
ส่วนกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจปี 58 เหลือโต 2.7-3.2% นั้น ผู้ว่า ธปท. กล่าวว่า เป็นระดับที่ใกล้เคียงกับที่ ธปท.ประมาณการไว้ และเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับเศรษฐกิจของประเทศในภูมิภาคเอเชียที่มีการปรับลดคาดการณ์อัตราการขยายตัวลง
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจไทยยังมีเสถียรภาพและมั่นคง ทั้งอัตราแลกเปลี่ยน ดุลบัญชีเดินสะพัด การจ้างงานและเงินเฟ้อ ซึ่งไม่เป็นประเด็นที่ทำให้ไทยขาดเสถียรภาพ
"เศรษฐกิจยังยิ้มได้แม้หน้าตาจะไม่ผ่องใส"ผู้ว่าการ ธปท.กล่าว
นายประสาร กล่าวว่า หากรัฐบาลจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจก็สามารถทำได้ ถ้ามาตรการดังกล่าวจะทำให้เศรษฐกิจเติบโตยั่งยืน เช่น การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อให้วางรากฐานในอนาคต ทำให้เกิดการจ้างงาน และส่งผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะยาว และการบรรเทาความเดือดร้อนประชาชน ต้องทำให้ตรงจุด โดยเฉพาะเกษตรกรและเอสเอ็มอี ซึ่งในส่วนของ ธปท.ได้ดำเนินมาตรการผ่อนคลาย ด้านอัตราแลกเปลี่ยน และอัตราดอกเบี้ย และปฎิรูประบบสถาบันการเงินให้เข้มแข็งไว้อยู่แล้ว จึงไม่มีความกังวลกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
พร้อมระบุว่า ไม่กังวลต่อกรณีที่อัตราเงินเฟ้อในปี 58 ติดลบ 0.7% เนื่องจากราคาน้ำมันปรับตัวลดลงรุนแรง และฐานเงินเฟ้อจากปีก่อนสูง จึงทำให้ปีนี้อัตราเงินเฟ้อติดลบต่อเนื่อง แต่มองว่าปีหน้าอัตราเงินเฟ้อจะกลับมาเป็นบวกได้จากฐานที่ต่ำในปีนี้ ส่วนเงินเฟ้อพื้นฐานยังคงเป็นบวก
สำหรับกรณีกระแสการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ใหม่นั้น นายประสาร ยืนยันว่า ไม่ได้รับการทาบทามเข้าร่วม ครม.ประยุทธ์ 2 และเชื่อว่าการทำงานของครม.ชุดใหม่จะเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ไม่กระทบความเชื่อมั่นกับภาคธุรกิจ เนื่องจากนายกรัฐมนตรียังอยู่บริหารงานเช่นเดิม