โดยแผนงานนี้จะนำไปผนวกรวมเป็นส่วนหนึ่งของเอกสารวิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียน 2025 เพื่อเสนอต่อที่ประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 27 ในเดือนพ.ย.นี้ รวมทั้งจะมีการหารือแนวทางการประชุมระหว่างอาเซียนกับสหภาพยุโรปในช่วงปลายปี 2558 เพื่อพิจารณาความเป็นไปได้ในการรื้อฟื้นการเจรจาความตกลงการค้าเสรีระหว่างกันด้วย
ด้านความสัมพันธ์กับประเทศคู่เจรจา รัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนจะพบหารือกับประเทศคู่เจรจาของอาเซียน ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น เกาหลี ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อินเดีย แคนาดา สหรัฐอเมริกา และรัสเซีย โดยจะมีการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนบวกสาม (ASEAN+3) การประชุมระดับรัฐมนตรีของการประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก (EAS) และการประชุมรัฐมนตรีความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) โดยมีประเด็นที่สำคัญ ได้แก่ การเจรจายกระดับความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน การเปิดเสรีการค้าสินค้าเพิ่มเติมภายใต้อาเซียน-เกาหลี การทบทวนความตกลงว่าด้วยการค้าสินค้าอาเซียน-อินเดีย ความคืบหน้าการเจรจาความตกลง RCEP (หรือ FTA ระหว่างอาเซียนกับ 6 ประเทศ ได้แก่ จีน เกาหลี ญี่ปุ่น อินเดีย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์) เพื่อเร่งเจรจาหาข้อสรุปประเด็นการเปิดตลาดการค้าสินค้า การค้าบริการ และการลงทุน เป็นต้น
นอกจากนี้ รัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนมีกำหนดที่จะลงนามและให้การรับรองเอกสารสำคัญในส่วนที่เกี่ยวข้องกับคู่เจรจา ได้แก่ การลงนามพิธีสารฉบับที่ 3 เพื่อแก้ไขความตกลงการค้าสินค้าภายใต้กรอบอาเซียน-เกาหลี และการให้ความเห็นชอบเอกสารขอบเขตการทบทวนความตกลงว่าด้วยการค้าอาเซียน-อินเดีย เอกสารแผนงานความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุนภายหลังปี 2015 อาเซียน-รัสเซีย และเอกสารแผนงานเพื่อดำเนินการตามปฏิญญาร่วมอาเซียน-แคนาดา ด้านการค้าและการลงทุน ปี 2016-2020
ในช่วงการประชุมครั้งนี้ รัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนจะมีการพบหารือกับภาคเอกชน ได้แก่ สภาที่ปรึกษาธุรกิจอาเซียน (ABAC) สภาธุรกิจสหภาพยุโรป-อาเซียน (EUABC) สภาหอการค้าและอุตสาหกรรมญี่ปุ่นในอาเซียน (FJCCIA) สภาธุรกิจเอเชียตะวันออก (EABC) สภาธุรกิจอาเซียน-อินเดีย (AIBC) สภาธุรกิจอาเซียน-สหรัฐฯ (USABC) และสภาธุรกิจแคนาดา-อาเซียน (CABC) เพื่อรับฟังข้อเสนอแนะและแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นด้านการค้าและการลงทุนกับภาคเอกชน