นอกจากนั้น ยังมีการผลักดัน พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังบริหารหนี้จากการขาดทุนในโครงการรับจำนำข้าว เงินชดเชยการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) และกองทุนประกันสังคม วงเงิน 7.3 แสนล้านบาท ซึ่งเตรียมเสนอ ครม. พิจารณาเช่นกัน
“เรื่องกฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเป็นเรื่องที่ผมทำไปตามหน้าที่ และเน้นเรื่องประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก มากกว่าการหาเสียง เพราะรัฐบาลนี้ไม่จำเป็นต้องหาเสียง และตอนนี้ได้เสนอเรื่องไปที่รองนายกรัฐมนตรีแล้วเช่นกัน หลังจากนี้คงขึ้นอยู่กับ รมว.คลังคนใหม่ว่าจะดำเนินการอย่างไร จะผลักดันต่อ หรือจะทบทวนใหม่"นายสมหมาย กล่าว
นายสมหมาย กล่าวอีกว่า ในส่วนเรื่องการปฏิรูปโครงสร้างภาษี ก็อยากให้มีการสานต่อด้วย โดยเฉพาะการอุดช่องโหว่ภาษี และการบริหารการจัดเก็บภาษีให้มีประสิทธิภาพ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการหารือร่วมกับอธิบดีกรมสรรพากรและได้กำชับให้มีการสานต่องานในจุดนี้ด้วย เนื่องจากเศรษฐกิจในขณะนี้ไม่เหมาะที่จะปรับเพิ่มภาษีใหม่ ดังนั้นต้องบริหารจัดการให้ผู้เสียภาษีมีความเท่าเทียมกัน ซึ่งจะทำให้ประชาชนยินดีที่จะเสียภาษีให้กับรัฐ
รวมทั้ง การแก้ไขกฎหมายการให้เอกชนเช่าที่ราชพัสดุทำโครงการเชิงพาณิชย์ เพิ่มเป็น 50 ปี จากปัจจุบัน 30 ปี และการเช่าระหว่างรัฐต่อรัฐ เพิ่มเป็น 99 ปี ซึ่งได้เสนอให้กระทรวงมหาดไทยที่รับผิดชอบเรื่องนี้พิจารณาแล้ว โดยมองว่าหากเพิ่มระยะเวลาเช่าเป็น 50 ปี เอกชนจะสนใจมากขึ้น รัฐได้ค่าเช่ามากขึ้น ที่สำคัญมูลค่าและขนาดของโครงการจะใหญ่มากขึ้น ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจขยายตัวได้เพิ่มขึ้นเช่นกัน