โดยเตรียมหามาตรการช่วยเหลือเศรษฐกิจระดับรากหญ้า ซึ่งจะเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)เร็วที่สุด เพื่อให้เศรษฐกิจท้องถิ่นขับเคลื่อนต่อไปได้ อีกทั้งจะเน้นการพัฒนาลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในประเทศ และในเขตอุตสาหกรรม การประสานงานต่างประเทศในการเจรจาการค้า โดยจะหารือร่วมกับภาคเอกชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในวันที่ 27 ส.ค.นี้
พร้อมยืนยันว่า การเข้ามาทำงานเป็นทีม โดยจะร่วมกับทุกกระทรวงไม่มีการแบ่งแยก และอยากให้คนไทยมีความเชื่อมั่นและหวังว่าการดำเนินงานจะเป็นด้วยความรวดเร็ว
นายสมคิด กล่าวว่า การเข้ามารับตำแหน่งครั้งนี้ไม่รู้สึกกดดันการทำงานแม้จะมีความคาดหวังสูงจากทุกภาคส่วนว่าจะช่วยแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นให้ได้ โดยตนเองจะตั้งใจทำงานให้ดีที่สุด
สำหรับวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในขณะนี้คงไม่สามารถนำไปเปรียบเทียบกับวิกฤตเศรษฐกิจในอดีตได้ เนื่องจากสถานการณ์มีความแตกต่างกัน โดยขณะนี้บริษัทขนาดใหญ่ได้วางแผนรับมือกับความผันผวนไว้ได้แล้ว ส่วนที่ได้รับผลกระทบส่วนใหญ่จึงเป็นระดับรากหญ้า ซึ่งต้องเร่งหาทางแก้ไขปัญหาเพราะไม่เช่นนั้นในอนาคตก็จะส่งผลกระทบไปถึงบริษัทขนาดใหญ่ได้ โดยการแก้ปัญหาในช่วงเวลา 1 ปีกว่าๆ หลังจากนี้ไปจะไม่ใช่เป็นเพียงการกระตุ้นเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ต้องวางรากฐานเพื่อให้ระบบเศรษฐกิจเกิดความเข้มแข็งอย่างยั่งยืน และปฏิรูปเชิงโครงสร้างของระบบเศรษฐกิจให้สอดคล้องกับแนวทางของสภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.) กำหนดไว้
ทั้งนี้ขอเรียกร้องให้ประชาชนทุกคนมีความเชื่อมั่นในประเทศไทย เพราะหากไม่มีความเชื่อมั่นจะยิ่งเป็นการซ้ำเติมให้ระบบเศรษฐกิจเกิดความซบเซาและยากที่จะพัฒนาได้
"สาเหตุของปัญหาที่เศรษฐกิจซบเซามาจากปัจจัยภายนอก แต่เป็นช่วงระยะสั้น เมื่อดีขึ้นก็จะคลายตัวลง แต่ปัจจัยสำคัญมาจากภายในประเทศ จากราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ เกิดปัญหาค่าครองชีพในระดับรากหญ้า เมื่อไม่มีกำลังซื้อพื้นฐาน ชาวนาชาวไร่ก็อ่อนแอ บวกกับถูกทับถมไปด้วยความไม่เชื่อมั่น ทุกวันก็มีแต่ข่าวเศรษฐกิจไม่ค่อยดี การลงทุนในประเทศก็ไม่ขยับเท่าที่ควร ขอให้เราเชื่อมั่นในพื้นฐานและศักยภาพของประเทศ รัฐบาลจะเร่งแก้ไขจุดอ่อนและเร่งสร้างรากฐานต่อไป" นายสมคิด กล่าว
นายสมคิด ยืนยันว่า แนวทางการทำงานของทีมเศรษฐกิจที่เข้ามาใหม่จะสานต่อนโยบายของรัฐบาล ทั้งในส่วนของโครงการที่ดำเนินการมาแล้ว และโครงการกำลังจะเริ่มต้นใหม่