"สรุปตัวเลขตอนนี้จบ 90% เดิมคาดว่าจะนำเสนอต่อที่ประชุมกพช.ในเดือนกันยายนนี้ แต่เมื่อมีการเปลี่ยนรัฐมนตรีใหม่ ก็คงต้องไปรายงานท่านก่อน"นายวีระพล กล่าว
นายวีระพล กล่าวว่า แนวทางเบื้องต้นเห็นว่าการรับซื้อไฟฟ้าจาก SPP ในระบบโคเจนเนอเรชั่น ยังมีความจำเป็นสำหรับการใช้ไฟฟ้าและไอน้ำในกลุ่มลูกค้าที่อยู่ในนิคมอุตสาหกรรม ดังนั้น รัฐบาลก็จะรับซื้อไฟฟ้าจาก SPP กลุ่มนี้มากกว่าข้อเสนอเดิมที่สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน(สนพ.)เคยเสนอไว้ที่ 18 เมกะวัตต์ แต่คงไม่ถึงระดับที่รับซื้อในปัจจุบันที่ 90 เมกะวัตต์ และอัตราค่าไฟฟ้าน่าจะอยู่ในระดับต่ำกว่าการรับซื้อไฟฟ้าเดิม เนื่องจากเป็นการติดตั้งเครื่องใหม่ในพื้นที่เดิม ซึ่งมีต้นทุนที่ต่ำกว่าเดิม เนื่องจากไม่ต้องการให้เป็นภาระต่อค่าไฟฟ้าทั้งระบบมากเกินไป
อนึ่ง ก่อนหน้านี้ กพช.เห็นชอบหลักการและแนวทางในการแก้ไขปัญหาของกลุ่ม SPP ระบบโคเจนเนอเรชั่น ในกลุ่มที่รับซื้อไฟฟ้ารอบก่อนปี 50 ซึ่งกำลังจะทยอยสิ้นสุดอายุสัญญาในปี 60-68 จำนวน 25 โครงการ โดยที่ประชุมกำหนดให้เสนอขายไฟฟ้าเข้าระบบของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ในปริมาณที่จำเป็นโดยไม่เกิน 20% ของกำลังการผลิตติดตั้งเดิมและในราคาไม่เกินอัตราค่าไฟฟ้าในรูปแบบผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่(IPP)
สำหรับโรงไฟฟ้า SPP ที่จะหมดอายุในช่วงปี 60-61 มีทั้งสิ้น 4 ราย โดยในส่วนนี้เป็นโรงไฟฟ้าของกลุ่ม บมจ.โกลว์ พลังงาน(GLOW)จำนวน 2 โรง โดยมีกำลังการผลิตรวม 281 เมกะวัตต์ โดยในส่วนนี้เป็นปริมาณขายไฟฟ้าให้กับกฟผ.180 เมกะวัตต์ ซึ่งจะหมดสัญญาซื่อขายไฟฟ้ากับ กฟผ.ในปี 60