ทั้งนิ้ หลังจากที่มีการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นแนวนโยบายจากนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจที่จะเน้นการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยเน้นกลุ่มผู้ที่มีรายได้น้อยหรือเอสเอ็มอีเป็นหลัก ซึ่งหากเน้นกลุ่มผู้มีรายได้น้อย โดยเฉพาะเกษตรกร จะช่วยกระตุ้นให้กลุ่มเหล่านี้มีรายได้และการบริโภคมากขึ้น ซึ่งจะมีส่วนช่วยให้เศรษฐกิจในประเทศดีขึ้นได้
อย่างไรก็ตาม ณ ตอนนี้คงไม่สามารถพึ่งพาการส่งออกได้มากนัก จึงจะเห็นได้ว่าบางประเทศมีการปรับเปลี่ยนนโยบายโดยให้ความสำคัญเศรษฐกิจในประเทศมากกว่าการส่งออก จึงสะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจโลกในปัจจุบันคงเป็นเรื่องยากที่จะใช้การส่งออกเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกันประเทศไทยที่ให้ความสำคัญกับการกระตุ้นในประเทศมากขึ้น แต่เรื่องนี้เป็นเพียงมาตรการระยะสั้นๆที่จะเห็นผลในปีนี้
ส่วนระยะยาวจะต้องเน้นเรื่องของการลงทุนทั้งภาคอุตสาหกรรมและภาคบริการซึ่งการที่รัฐบาลเน้นการส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมในรูปแบบคลัสเตอร์ถือว่ามีส่วนช่วยที่สำคัญ ซึ่งจะมีส่วนช่วยให้นักลงทุนเกิดความเชื่อมั่นและกล้าที่จะลงทุนมากขึ้น เพราะเห็นทิศทางที่ชัดเจนและเห็นรูปแบบของอุตสาหกรรมที่เป็นระบบและเป็นรูปธรรมมากขึ้น
นายอุดม กล่าวว่า ในส่วนของดัชนี MPI ณ ตอนนี้ยังไม่มีการทบทวน เบื้องต้นยังคงเป้าดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมปีนี้โต 3-4% แต่จะพิจารณาอีกครั้งในช่วงสิ้นไตรมาสที่ 3 ส่วนจีดีพีอุตสาหกรรมยังคงตัวเลขที่ 2-3%
สำหรับการปรับ ครม.ใหม่โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ นายอุดมเชื่อว่า จะมีส่วนช่วยเรียกความเชื่อมั่นจากผู้บริโภคในประเทศ และจากผลโพลล์ต่างๆ จะเห็นได้ชัดว่าประชาชนให้ความเชื่อมั่นกับ ครม.ชุดใหม่ค่อนข้างสูง ถือว่าเป็นจิตวิทยาในระยะสั้น ๆ แต่หากมีผลงานจะมีส่วนช่วยให้ภาพรวมเศรษญกิจดีขึ้น ซึ่งคาดว่าใน 3 เดือนน่าจะมีผลงานที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น