สำหรับแนวทางการช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs นั้น กระทรวงการคลังได้แบ่งออกเป็น 2 ช่วง โดยมาตรการในช่วงแรกจะเป็นการเสริมสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบการเพื่อให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้มากขึ้น โดยจะจูงใจให้ธนาคารของรัฐ เช่น ธนาคารกรุงไทย และธนาคารออมสิน ปล่อยสินเชื่อให้ SMEs มากขึ้น นอกจากนี้ กระทรวงการคลังจะใช้มาตรการภาษีเข้ามาช่วยลดต้นทุนให้กับผู้ประกอบการเพิ่มเติมด้วย เพื่อส่งผลให้ต้นทุนในการดำเนินธุรกิจลดน้อยลง
ส่วนมาตรการช่วงที่ 2 คือ การเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับผู้ประกอบการ SMEs โดยมอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงอุตสาหกรรม ไปศึกษาการหาตลาดผ่านออนไลน์ หรือธุรกิจอีคอมเมิร์ส ซึ่งในอนาคตต้องการให้เป็นช่องทางให้ SMEs สามารถดำเนินธุรกิจได้ดีขึ้น โดยเฉพาะรายเล็ก
นายสมคิด กล่าวว่า ยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดเรื่องเม็ดเงิน เนื่องจากต้องรอให้ ครม.พิจารณาอนุมัติในวันพรุ่งนี้ก่อน และยืนยันว่าการใช้มาตรการภาษีเข้ามาช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs จะไม่กระทบกับการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาล ซึ่งขณะนี้ถือว่าเหลืออีกไม่กี่เดือนก็จะเข้าสู่ปีงบประมาณ 59 ขณะที่การใช้เงินเพื่อกระตุ้นเศรษญกิจในปีงบประมาณ 58 ไม่ได้สูงมากนักจึงไม่น่ากังวล
พร้อมกันนี้ รัฐมนตรีคลังได้เรียกประชุมบอร์ดของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์(ธ.ก.ส.) และบอร์ดของธนาคารออมสินจากเดิมที่จะต้องมีการประชุมในกลางเดือนหน้า ทั้งนี้เพื่อให้ทั้ง 2 ธนาคารเร่งดำเนินตามมาตรการให้ความช่วยเหลือโดยเฉพาะเกษตรกร ซึ่งคาดว่าภายในอาทิตย์หน้าเม็ดเงินน่าจะถึงมือเกษตรกรได้
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังเตรียมเสนอมาตรการช่วยเหลือเอสเอ็มอีเข้าสู่ที่ประชุมครม.ในวันพรุ่งนี้ แบ่งเป็น 2 คือ คือมาตราการทางด้านทางการเงินและมาตราการทางด้านภาษี
ซึ่งในส่วนมาตรการทางการเงิน จะช่วยให้เอสเอ็มอีสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น และช่วยลดต้นทุนของเอสเอ็มอี ส่วนมาตรการภาษี จะมีการลดหย่อภาษีเพื่อช่วยเหลือเอสเอ็มอีในบางเซคเตอร์ที่สำคัญและเห็นโอกาสในการดำเนินธุรกิจในอนาคตได้
ทั้งนี้นายอภิศักดิ์ ไม่ได้เปิดเผยตัวเลขวงเงินที่จะให้ความช่วยเหลือและสัดส่วนในเรื่องของภาษีที่จะลดลงว่าจะเป็นเท่าไหร่ โดยขอให้รอฟังจากผลการประชุมครม.ในวันพรุ่งนี้
ด้านนางกอบกาญจน์ วัฒนาวรางกูร รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยภายหลังการหารือกับนายสมคิด ว่า กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาอยู่ระหว่างการหาแนวทางในการกระจายรายได้จากการท่องเที่ยวสู่ชุมชนและท้องถิ่น โดยจะนำสินค้าในชุนชนหรือ สินค้า OTOP มากระจายสู่ตลาดมากขึ้น
สำหรับเบื้องต้นได้มีการประสานกับกระทรวงพาณิชย์ เพื่อหาช่องทางตลาดใหม่ๆ นำสินค้าชุมชนออกสู่ตลาดต่างประเทศ เช่น ตลาดตะวันออกกลาง โดยให้บูรณาการร่วมกับกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร(ICT) เพื่อเปิดตลาดออนไลน์ให้ผู้ประกอบการ SMEs ในกลุ่มอุตสาหกรรมท่องเที่ยว รวมถึงการหาพื้นที่ในการโฆษณาและประชาสัมพันธ์สถานที่ท่องเที่ยว และการเปิดจองโรงแรมของ SMEs เพื่อทำให้เข้าถึงนักท่องเที่ยวมากขึ้น
นางกอบกาญจน์ ยืนยันว่า ขณะนี้ยังไม่มีมาตรการภาษีเพิ่มเติมในส่วนของท่องเที่ยว เพราะเชื่อว่ามาตรการส่งเสริมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเพียงพอและมั่นใจว่าความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวเริ่มกลับมาในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้ และจะส่งผลให้ภาคท่องเที่ยวเติบโตได้ตามเป้าหมาย