"สมคิด"สั่งงานด่วนคมนาคมเร่งเดินรถสายสีน้ำเงิน-ขยายแอร์พอร์ตลิ้งค์ถึงดอนเมือง

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday September 9, 2015 15:37 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ กล่าวภายหลังการเดินทางมาตรวจเยี่ยมกระทรวงคมนาคมว่า โครงการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของกระทรวงคมนาคมมีมูลค่าสูง หากรวมกับโครงการลงทุนของกระทรวงอื่นๆ จะมีมูลค่ามหาศาลหลายล้านล้านบาท ทั้งนี้ได้มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมจัดลำดับการลงทุนก่อนหลังให้เหมาะสม และเพื่อสร้างความมั่นใจ

โดยใน 5 ปีข้างหน้าจะต้องวางกรอบความยั่งยืนทางการคลังจากงบประมาณที่ลงทุนนั้น โดยภาระหนี้ต่อจีดีพีต้องไม่เกิน 50% แม้ว่ามาตรฐานทั่วโลกจะอยู่ที่ 60% แต่ไทยจะต้องพยายามควบคุมให้ได้ในกรอบดังกล่าว เพื่อไม่ให้การลงทุนโครงการจำนวนมากแล้วทำให้การเงินอ่อนแอในกรอบความความยั่งยืน ซึ่งหากจะเดินหน้าเฉพาะโครงการคมนาคมคงไม่ได้ เพราะมูลค่าลงทุน 2 ล้านล้านบาท จีดีพีไม่เกิน 50% อยู่แล้ว แต่ประเทศไทยยังมีโครงการของกระทรวงอื่นที่ต้องจัดระเบียบการลงทุน โดยทำอย่างไรเพื่อลดภาระของรัฐบาล

นอกจากนี้ ได้ฝากให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาโครงการที่เป็นส่วนสนับสนุนการเชื่อมต่อภายในประเทศเพื่อรองรับและทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลาง AEC เพื่อเกิดประโยชน์กับประเทศสูงสุด รวมถึงการวางโครงข่ายคมนาคม เพื่อสนับสนุนคลัสเตอร์ในอุตสาหกรรมกลุ่มต่างๆ เช่น คลัสเตอร์นิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง(อีสเทิร์นซีบอร์ด) ที่มีการลงทุนเป็นแสนล้านบาท และในอนาคตจะมีการแข่งขันสูงทั้งจากเวียดนาม อินโดนีเซีย ดังนั้นจะต้องปรับอีสเทิร์นซีบอร์ดให้เป็นซุปเปอร์คลัสเตอร์ ที่มีโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัย มีสิ่งจูงใจให้นักลงทุนเดิมอยู่ต่อและดึงดูดนักลงทุนใหม่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะต้องมีการพัฒนาถนน สนามบิน ท่าเรือ คลังสินค้า รวมทั้งระบบโลจิสติกส์

นายสมคิด กล่าวว่า กระทรวงคมนาคมต้องเร่งมือเริ่มลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อเรียกความเชื่อมั่นนักลงทุนให้จัดลำดับความสำคัญของโครงการลงทุน เร่งรัดบางโครงการ ได้แก่ โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย และการลงทุนรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์ ขยายเส้นทางพญาไท-สนามบินดอนเมือง ส่วนโครงการที่อยู่ในขั้นตอนการประมูลก็เร่งดำเนินการไป

ขณะเดียวกัน ยืนยันโครงการความร่วมมือรถไฟไทย-จีน เส้นทางกรุงเทพ-หนองคาย และแก่งคอย-มาบตาพุด ระยะทาง 873 กม. และโครงการความร่วมือรถไฟไทย-ญี่ปุ่น ในโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูง กรุงเทพ-เชียงใหม่ ก็ยังคงดำเนินการต่อเนื่อง และทำให้ดีและเดินหน้าอย่างถูกต้อง

รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า โครงสร้างพื้นฐานเน้นให้เอกชนเข้ามีส่วนร่วมในรูปแบบ PPP หรือใช้เงินกู้ในประเทศ หรือจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน โดยออกแบบให้น่าจูงใจกับนักลงทุน ซึ่งจะทำให้ไม่เป็นภาระกับการคลังของประเทศจนเกินไป

"โครงการที่เร่งได้เร่งมาก่อน เพราะว่าทันทีที่เริ่มหว่านเมล็ด ความเชื่อถือก็มาแล้ว ไม่ใช่ราคาคุย แต่โครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานไม่ใช่มากระตุ้นเศรษฐกิจ มันไม่มีความจำเป็นต้องกระตุ้นอีกแล้ว เพราะ 2 แพ็คเกจใน 2 อาทิตย์ที่ผ่านมา เป็นการเพิ่มสภาพคล่องให้ประชาชนผ่านพ้นช่วงนี้ไปได้ ประเทศไทยไม่ได้มีวิกฤตเศรษฐกิจ...ต่อจากนี้ไป จะเป็นการขับเคลื่อนในเชิงปฏิรูปเรื่องการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเป็นการปฏิรูป"นายสมคิดกล่าว

พร้อมระบุว่า การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของกระทรวงคมนาคมจะแสดงศักยภาพหรือความสามารถของประเทศ ซึ่งเป็นตัววัดความสามารถของประเทศ ดูตัวอย่างจีนที่สามารถสร้างโครงสร้างพื้นฐานแต่ละโซนได้ครบ สามารถดึงการลงทุนจากต่างประเทศเข้ามา ทำให้เศรษฐกิจจีนขยายตัว เพราะฉะนั้นเราจึงจำเป็นต้องมีโครงสร้างพื้นฐานที่ครบและเพียงพอ เพื่อจะสามารถดึงดูดนักลงทุน และถ้ามาลงทุนในเมืองไทยก็ต้องเหนือกว่าเวียดนาม

สำหรับอีกเรื่องที่ต้องเร่งด่วนในการดำเนินการ คือ สำนักงานความปลอดภัยด้านการบินของยุโรป(EAZA) จะเข้ามาตรวจเรื่องการบินของไทยในวันที่ 14 ก.ย.นี้ ดังนั้นไทยต้องเตรียมตัวให้พร้อม เพราะถ้าตรวจแล้วสอบตกอีกก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ทั้งนี้ยอมรับว่าเรื่องการบินยังน่าเป็นห่วง

ด้านนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม กล่าวว่า EAZA จะเข้ามาตรวจสายการบินไทย(THAI) เพียงสายการบินเดียวเพราะเป็นสายการบินที่มีเที่ยวบินไปยังยุโรป และคาดว่าจะไม่มีปัญหา เพราะสายการบินไทยได้รับการตรวจสอบมาหลายครั้งจากหน่วยงานต่างๆ โดยการเข้ามาตรวจครั้งนี้กรมการบินพลเรือน(บพ.) ร่วมรับรู้ด้วย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ