(เพิ่มเติม) นายกฯ เผยรัฐบาลพร้อมช่วยหามาตรการส่งเสริมผู้ประกอบการอัญมณีเครื่องประดับ

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday September 10, 2015 13:16 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เสนอแนวคิดให้ผู้ประกอบการอัญมณีผลิตผลงานที่มีความหลากหลายด้านราคา เพื่อเปิดโอกาสให้สามารถเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคมากขึ้น โดยในส่วนของรัฐบาลจะเข้ามาช่วยดูแลมาตรการส่งเสริมด้านต่างๆ ให้แก่ผู้ประกอบการ เช่น โครงสร้างภาษี, การขยายตลาด, การยกระดับคุณภาพสินค้า, การพัฒนาคุณภาพแรงงาน, การเชื่อมโยงกับอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น เพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน

โดยรัฐบาลพร้อมสนับสนุนการยกเว้นอากรศุลกากรสำหรับอัญมณีและเครื่องประดับ ที่นำเข้ามาแสดงและจำหน่ายในงานแสดงสินค้านี้ และ มีการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 0 สำหรับการนำพลอยเพื่อมาเป็นวัตถุดิบคุณภาพสูงในขั้นตอนการผลิตสินค้า ญมณีและเครื่องประดับในประเทศ พร้อมเชื่อมั่นว่ามาตรการดังกล่าวจะมีส่วนช่วยให้ผู้ประกอบการไทยสามารถแข่งขันในระดับนานาชาติได้อีกทางหนึ่ง

นอกจากนี้ ยังได้สั่งการให้กระทรวงพาณิชย์ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ สมาพันธ์อัญมณีเครื่องประดับและโลหะมีค่าแห่งประเทศไทย และสมาคมผู้ค้าอัญมณีไทยและเครื่องประดับ ร่วมมือในการขยายธุรกิจการค้าให้กับผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน และช่วยส่งเสริมและผลักดันให้ประเทศไทยเป็นประตูสู่อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับของภูมิภาค และก้าวไปสู่การเป็นศูนย์กลางการผลิตและการค้าอัญมณีและเครื่องประดับของโลกต่อไปในอนาคต

"รัฐบาลพร้อมสนับสนุนส่งเสริมผู้ประกอบการ SMEs ขนาดเล็กที่พอจะมีศักยภาพ ซึ่งรัฐจะเป็นผู้ให้การสนับสนุนส่งเสริมให้ทุกอุตสาหกรรมสามารถเติบโตก้าวหน้าไปอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน ซึ่งในส่วนของตลาดการค้าอัญมณีและเครื่องประดับไทย ได้มุ่งเน้นการขยายตลาดออกไปให้กว้างขึ้นทั้งส่งเสริมตลาดใหม่ที่มีศักยภาพ และรักษาตลาดหลักซึ่งเป็นตลาดขนาดใหญ่ การปรับปรุงกลไกของภาครัฐเพื่อลดต้นทุนและอำนวยความสะดวกทางการค้า"

ทั้งนี้ อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับสามารถทำรายได้จากการส่งออกเข้าประเทศเป็นอันดับสาม มีมูลค่ากว่าปีละ 3 แสนล้านบาท โดยช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-มิ.ย.58) มียอดส่งออก 1.87 แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 4.99% ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมด

นายกรัฐมนตรี ระบุว่า อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับเป็นอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญต่อประเทศชาติ ซึ่งสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้จำนวนมากในแต่ละปี และเป็นสินค้าส่งออก ที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปีที่ผ่านมาอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับสามารถนำรายได้เข้าประเทศสูงสุดเป็นลำดับที่ 3 มีมูลค่าการส่งออกมากถึง 3.4 แสนล้านบาท ปัจจัยที่สำคัญ คือ สินค้าของประเทศไทยมีคุณภาพและช่างฝีมือแรงงานชาวไทยมีความสามารถในด้านทักษะ ตลอดจนมีความประณีต โดยเฉพาะความเชี่ยวชาญทางด้านการเผาและการเจียระไนพลอย ซึ่งเป็นมรดกทรงคุณค่าที่ตกทอดมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษจนถึงปัจจุบัน การออกแบบเครื่องประดับสวยงามและทันสมัย แต่ยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ความเป็นไทยซึ่งเป็นที่ยอมรับในต่างประเทศ อีกทั้ง ต้องสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่เป็น Hand Made มีชิ้นเดียวและยังสร้างความแตกต่างและสามารถจำหน่ายได้อีกด้วย

สำหรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ซึ่งเป็นตลาดขนาดใหญ่ ประเทศไทยได้ใช้ศักยภาพที่มีความได้เปรียบและความพร้อมในการพัฒนาคุณภาพของสินค้า ก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับในภูมิภาคอาเซียนได้ไม่ยาก อีกทั้ง ช่วยเพิ่มโอกาสทางการค้าให้กับประเทศ รวมถึงเป็นเวทีที่จะยกระดับความสามารถทางการแข่งขันในระดับโลกต่อไป แต่ด้วยสถานการณ์ในปัจจุบันมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นตลอดเวลาทั้งสภาวะความผันผวนของเศรษฐกิจโลก ราคาวัตถุดิบ ความพิถีพิถันในการเลือกซื้อสินค้าของผู้บริโภค ซึ่งส่งผลกระทบต่อวงการอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ ดังนั้น การจัดการประชุมสุดยอดผู้นำด้านอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับแห่งอาเซียนและประเทศคู่ค้าที่สำคัญอีก 6 ประเทศ คือ จีน อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ จึงถือว่าเป็นโอกาสสำคัญที่ประเทศไทยจะได้สร้างศักยภาพการเป็นผู้นำและสร้างความร่วมมือระหว่างกันในภูมิภาคอาเซียน รวมทั้ง รวมถึงประเทศแอฟริกาที่กำลังเปิดตลาดค้าขายการเกษตรและอัญมณีอยู่ในขณะนี้

นายกรัฐมนตรี กล่าวย้ำว่า สิ่งสำคัญการที่จะรักษาคุณภาพมาตรฐานอัญมณีและเครื่องประดับไทยให้มั่นคงอย่างยั่งยืน คือ การพัฒนาคุณภาพสินค้าอยู่เสมอ และความใส่ใจในรายละเอียดทุกกระบวนการผลิต ทั้งเรื่องการออกแบบ การพัฒนาฝีมือแรงงานในด้านทักษะให้มี ความเชี่ยวชาญพิเศษ การจัดหาแหล่งวัตถุดิบคุณภาพที่มีความมั่นคงเพื่อรักษาเสถียรภาพการผลิต ตลอดจนการสร้างแบรนด์ที่มีมาตรฐานการรับรองที่สูงขึ้นเพื่อให้เป็นที่โดดเด่นทั้งในเรื่องรูปลักษณ์และคุณภาพ ซึ่งที่ผ่านมาการจัดการแสดงสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ Bangkok Gems & Jewelry Fair เป็นงานแสดงสินค้าที่ใหญ่ติดอันดับ 1 ใน 5 ของแวดวงอัญมณีและเครื่องประดับของโลก ได้แสดงให้เห็นถึงพลังและศักยภาพของการดำเนินงานที่สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล ด้วยการขยายการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศอย่างยั่งยืน และการพัฒนาความร่วมมือภายในภูมิภาคเพื่อการแข่งขัน

สำหรับการจัดงาน Bangkok Gems and Jewelry Fair ครั้งที่ 56 ระหว่างวันที่ 10-14 ก.ย.58 ณ ศูนย์การแสดงสินค้าอิมแพ็ค เมืองทองธานี คาดว่าจะมีผู้ร่วมออกงานทั้งในและต่างประเทศกว่า 1,500 ราย มีผู้เข้าชมงานจากทั่วโลกกว่า 160 ประเทศ มากกว่า 3 หมื่นราย และมีมูลค่าการซื้อขายราว 3 หมื่นล้านบาท

รายงานข่าว แจ้งว่า ในระหว่างที่นายกฯ เดินดูงานตามบู๊ทต่างๆนั้น นายสมชาย พรจินดารักษ์ ประธานสมาพันธ์อัญมณีเครื่องประดับและโลหะมีค่าแห่งประเทศไทย พยายามที่จะเดินเข้าไปอธิบายรายละเอียดให้นายกฯ ฟัง แต่ถูกนายทหารที่มารักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดคอยกันไม่ให้เข้าถึงตัวนายกฯ ซึ่งนายสมชายได้เข้าไปฟ้องนายกฯ ก่อนเดินทางกลับว่าการกระทำของนายทหารคนดังกล่าวเป็นการไม่ให้เกียรติกัน ทำให้นายกฯ หันไปดุและตีแขนนายทหารคนดังกล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ