สำหรับในปีนี้กระทรวงพาณิชย์ยังคงยืนยันเป้าหมายการส่งออกไว้ตามเดิมที่ล่าสุดคาดการณ์ไว้ว่าจะติดลบ 3% ขณะที่เป้าหมายการส่งออกสำหรับปี 59 นั้นจะมีการประชุมเพื่อประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจทั้งภายในและต่างประเทศร่วมกันอีกครั้งในช่วงเดือน พ.ย.58 เพื่อที่จะกำหนดออกมาเป็นเป้าหมายการส่งออกสำหรับปีหน้าต่อไป
“เป้าหมายส่งออกของปีหน้า เราจะประเมินเป้าหมายช่วงปลายปีหรือประมาณพ.ย.อีกครั้ง สำหรับการส่งออกช่วงที่เหลือของปีนี้ที่เราพยายามผลักดันไปนั้น สินค้ากลุ่มรถยนต์น่าจะมีตัวเลขที่เพิ่มสูงขึ้น สินค้าอัญมณีน่าจะไปได้ดี ดังนั้นตัวเลขโดยรวมไม่น่าจะเปลี่ยนแปลง เรายังยืนยันตัวเลขเดิมที่ตั้งไว้(-3%) ส่วนปีหน้าเราค่อยดูอีกทีว่าภาวะการณ์จะเป็นอย่างไร"รมว.พาณิชย์ กล่าว
ล่าสุด กระทรวงพาณิชย์รายงานสถานการณ์การค้าระหว่างประเทศของไทยในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-ก.ค.58) พบว่าการส่งออกยังคงติดลบ 4.7% และการนำเข้าติดลบ 8.6%
นอกจากนี้ ได้มอบนโยบายที่สำคัญ คือ จะต้องมีการปรับรูปแบบการทำงานของ สคร.ให้เป็นผู้นำทางด้านการตลาด เป็นนักการตลาด และสามารถสร้างภาพลักษณ์ให้ผู้นำเข้าเกิดความเชื่อมั่นในสินค้าไทย รวมทั้งต้องมีฐานข้อมูลในเชิงลึกมากขึ้นกว่าที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์ด้านการตลาด และสินค้าที่มีศักยภาพ ซึ่ง สคร.จะต้องมีข้อมูลในเชิงลึก เช่น ข้อมูลคู่ค้าประเทศนั้นมีความเด่นในด้านใด ผลิตสินค้าอะไร โอกาสสินค้าและบริการของไทยอยู่ในจุดไหน รวมทั้ง สคร.ต้องแนะนำได้หากเอกชนต้องการเข้าไปลงทุนทำการค้าว่าต้องการให้ภาครัฐช่วยเหลือเรื่องใด ตลอดจนต้องมีข้อมูลสินค้าส่งออก 10-20 อันดับ และธุรกิจบริการที่มีศักยภาพที่จะเพิ่มสัดส่วนการส่งออกของไทยได้ โดยเฉพาะสินค้าที่เป็นไปตามยุทธศาสตร์คลัสเตอร์ของรัฐบาล
“ต้องปรับ สคร.ให้เป็น marketing man เป็นผู้นำทางด้านการตลาด ขายสินค้าของประเทศไทย ซึ่งข้อมูลที่จะต้องหามานั้น ต้องเป็นข้อมูลที่เจาะลึก รับฟังและวิเคราะห์ และรายงานข้อมูลเชิงลึกเข้ามายังประเทศไทย ซึ่งส่วนกลางจะนำข้อมูลเหล่านี้มาวิเคราะห์และกระจายไปยังหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องต่อไป" รมว.พาณิชย์ กล่าว
พร้อมกันนี้ จะต้องมีการปรับปรุงรูปแบบการทำงานของหน่วยงานในส่วนกลางให้สามารถสนับสนุนและเป็นพี่เลี้ยงเพื่อให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์แก่สำนักงานที่อยู่ในต่างประเทศ ซึ่งจะเน้นการทำตลาดเอเชีย และตลาดการค้าชายแดนให้มากขึ้น ดังนั้น จึงต้องปรับปรุงการทำงานของสำนักงานฯ ที่อยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน, อาเซียน, อินเดีย รวมทั้งในชมพูทวีป ให้มีการทำงานที่เชื่อมโยงกับพาณิชย์จังหวัดที่อยู่ชายแดนให้มากขึ้น
“2 สำนักงานนี้ ทั้งสำนักงานพาณิชย์ในต่างประเทศ และสำนักงานพาณิชย์จังหวัดจะต้องทำงานและประสานกันอย่างใกล้ชิดมากขึ้น เพื่อผลักดันการค้าชายแดน และแก้ไขปัญหาการค้าชายแดนที่อาจจะเกิดขึ้น" รมว.พาณิชย์ กล่าว
นางอภิรดี กล่าวด้วยว่า สำหรับกิจกรรมและแผนงานทางด้านการตลาดของในปีที่ผ่านมา อาจจะต้องมีการทบทวนหรือปรับปรุงให้สอดคล้องกับกลยุทธ์ทางการตลาดใหม่ๆ ที่จะเพิ่มเข้ามา เพื่อช่วยผลักดันการส่งออกในช่วงต่อจากนี้ไป โดยจะเน้นการค้าในกลุ่มสินค้าบริการที่จะเป็นคลัสเตอร์ใหม่ เช่น อุตสาหกรรมภาพยนตร์, อุตสาหกรรมฮาลาล, อุตสาหกรรมค้าปลีกและแฟรนไชส์ เป็นต้น และให้ สคร.เสนอกิจกรรมที่จะสามารถเห็นผลได้ใน 3 เดือนเข้ามา
ขณะเดียวกันต้องใช้ประโยชน์จาก e-Commerce ให้มากขึ้น เพื่อให้เป็นช่องทางใหม่ๆ ในการผลักดันการส่งออกสินค้าไทย โดยกระทรวงพาณิชย์จะให้ความสำคัญกับการปรับปรุงเว็บไซต์ thaitrade.com และ Thaicommercestore.com โดยทูตพาณิชย์จะต้องช่วยโปรโมทและประชาสัมพันธ์การเข้ามาใช้บริการให้มากขึ้น