นายกฯ ห่วงปัญหาน้ำท่วมสั่งดูแลการระบายน้ำ-ด้านภัยแล้งให้จัดทำแพคเกจช่วยเหลือ

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday September 16, 2015 14:39 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เศรษฐกิจช่วงเช้าที่ผ่านมามี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เป็นประธานการประชุมเพื่อติดตามสถานการณ์น้ำ ทั้งปัญหาน้ำท่วมและปัญหาภัยแล้ง ได้แก่ การเตรียมความพร้อมรับมือน้ำท่วมในพื้นที่กรุงเทพฯ โดยกรุงเทพมหานคร(กทม.) จะทำงานร่วมกับกระทรวงมหาดไทย(มท.) เจ้าหน้าที่ทหาร และกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) เพื่อให้การระบายน้ำเป็นไปด้วยความรวดเร็ว

โดยจะใช้เรดาร์สำรวจพื้นที่ที่พบปัญหาน้ำท่วมบ่อยครั้งแล้วเตรียมพร่องน้ำในพื้นที่ออกก่อนที่ฝนจะตกลงมา และเมื่อเกิดปัญหาน้ำท่วมขังจะมีการทำงานร่วมกันระหว่าง กทม.และเจ้าหน้าที่ทหารเพื่อช่วยกันเคลียร์รถเสียไม่ให้มีการกีดขวางจราจร และให้ทางอาชีวศึกษาตั้งจุดเร่งด่วนช่วยซ่อมรถยนต์ที่มีปัญหาจากปัญหาน้ำท่วมขัง รวมถึงสั่งการให้ กทม.เร่งระบายน้ำที่ขังอยู่บนผิวทางจราจรให้รวดเร็วที่สุด

ทั้งนันายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำกรณีที่มีฝนตกน้ำท่วมในพื้นที่ต่างๆ อย่าคิดแต่เรื่องการระบายน้ำเพียงอย่างเดียว ต้องหาวิธีการเก็บกักน้ำด้วย และสั่งการให้กรมชลประทานไปสำรวจบ่อน้ำบาดาลที่ขุดไว้ว่ามีการกักเก็บน้ำเท่าไหร่แล้ว นอกเหนือจากปริมาณน้ำในเขื่อนต่างๆ เนื่องจากขณะนี้น้ำต้นทุนมีไม่เพียงพอ ซึ่งมีปริมาณน้ำน้อยกว่าเดิมเฉลี่ยเพียง 25% เท่านั้น ดังนั้นทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้องต้องไปจัดหาพื้นที่แก้มลิงและฝายเพิ่มเติม ทั้งในพื้นที่แม่น้ำสายหลักและสายรองก่อนที่จะระบายน้ำลงสู่แม่น้ำโขง

โดย พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรและสหกรณ์ รายงานว่า ได้จัดเตรียมพื้นที่เพื่อจัดทำแก้มลิงในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 5 จังหวัด จำนวน 30 แห่ง ประกอบด้วย นครพนม หนองคาย เลย บึงกาฬ และมุกดาหาร รวมถึงจัดเตรียมพื้นที่ทำฝายอีก 22 จังหวัดในพื้นที่อีสานเหนือและภาคกลางตอนบน

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกรัฐมนตรียังสั่งการให้เตรียมออกแพ็กเกจการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรในกรณีที่จะมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการปลูกพืชและแหล่งตลาดสินค้า โดยจะนำเอาบทเรียนปีที่ผ่านมามาใช้ประกอบการพิจารณา ซึ่งจะมีการกำหนดมาตรการช่วยเหลือด้านต่างๆ ให้แล้วเสร็จภายในเดือนตุลาคมนี้ และเสนอเข้า ครม.พิจารณาต่อไป


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ