“มองว่ายังเร็วไปที่เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยในรอบนี้(การประชุม 16-17 ก.ย.) เขายังสามารถที่จะ wait and see ซึ่งจะไปปรับขึ้นในรอบการประชุมเดือน ธ.ค.ก็ยังไม่สายไป" นายอมรเทพ กล่าว
พร้อมมองว่า ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของไทยไม่จำเป็นที่ต้องเป็นไปในทิศทางเดียวกับสหรัฐหากเศรษฐกิจไทยยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ซึ่งคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) มีอิสระเต็มที่ในการตัดสินใจทิศทางนโยบายทางการเงิน ในทางกลับกันยังมีช่องว่างที่ กนง.จะสามารถปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงได้อีกหากเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวขึ้นตามที่คาด หรือหากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดจนส่งผลกระทบให้ภาวะเศรษฐกิจของไทยติดลบ ซึ่ง กนง.ยังสามารถปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงไปต่ำกว่าระดับ 1.25% หรือที่ระดับ 1% ก็มีความเป็นไปได้ แต่อย่างไรก็ดี มองว่า กนง.จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 1.50% ไปจนถึงสิ้นปี
นายอมรเทพ กล่าวว่า ธปท. จะต้องดูแลค่าเงินบาทควบคู่กันไปด้วย เพราะการลดอัตราดอกเบี้ยจะทำให้เงินบาทอ่อนค่าลง ซึ่งประเมินว่าเงินบาทมีโอกาสจะอ่อนค่าไปที่ 37 บาท/ดอลลาร์ในสิ้นปีนี้ และมีโอกาสที่จะอ่อนค่าลงไปถึง 38 บาท/ดอลลาร์ได้ในปีหน้า หากสงครามค่าเงินยังคงดำเนินอยู่และจีนยังใช้นโยบายลดค่าเงินหยวนต่อ ซึ่งนี่จะเป็นปัจจัยที่ทำให้เงินบาทมีโอกาสอ่อนค่าไปมากขึ้น
ในทางกลับกันเงินบาทยังสามารถกลับมาแข็งค่าขึ้นได้อีกครั้ง หากเฟดตัดสินใจไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เพราะจะทำให้นักลงทุนกลับมาลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงใหม่อีกครั้ง และเชื่อว่าจะเป็นโอกาสดีของตลาดเกิดใหม่ที่จะมีเงินไหลกลับเข้ามาอีกครั้ง