งานดังกล่าวจะมีบูธแสดงสินค้าจาก 11 ชาติ อาทิ เยอรมัน อินโดนีเซีย อิตาลี สเปน นิวซีแลนด์ จีน เกาหลี ญี่ปุ่น ไต้หวัน มาเลเซีย สิงคโปร์ อีกทั้งผู้ซื้อชาวต่างชาติกว่า 150 ราย ทั้งยังจัดให้มีการเสวนาวิชาการ เวิร์คช็อป ให้ความรู้ด้านอุตสาหกรรมสุขภาพและความงามที่ครอบคลุมทั้ง เครื่องสำอาง การดูแลสุขภาพเล็บและเส้นผม สมุนไพร โดยคาดว่าจะมีผู้สนใจเข้าร่วมชมงานมากกว่า 15,000 ราย ทั่วโลก คาดเงินสะพัดภายในงาน 1,800 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังเป็นเวทีส่งเสริมผู้ค้าขนาดกลางและขนาดย่อมให้มีโอกาสทางการค้าในตลาดสุขภาพและ ความงามโลก เพื่อสร้างความมั่นใจในแบรนด์เครื่องสำอางไทย ให้สินค้าไทยเป็นที่รู้จัก และยอมรับให้ประเทศไทยเป็นทั้ง ผู้ผลิต ผู้ค้า และผู้บริโภค เพราะกระผมเล็งเห็นศักยภาพ ของไทยที่จัดว่าเป็นผู้ผลิตที่มีคุณภาพระดับต้นๆ ที่เป็นที่ยอมรับ
นายสุพันธุ์ กล่าวว่า หลังจากไตรมาสแรกของปี 2558 แนวโน้มของธุรกิจที่เกี่ยวกับสุขภาพและความงามยังคงเป็นอันดับ 1 ดาวเด่นเมื่อเทียบกับธุรกิจอื่นๆ และมีแนวโน้มการเติบโตต่อเนื่องในอนาคต สืบเนื่องมาจากกระแสการให้ความสำคัญกับการรักษาสุขภาพ และการดูแลความงามที่มีมากขึ้นในสังคมไทย จากข้อมูลเชิงสถิติพบว่า ยอดขายสินค้าเกี่ยวกับสุขภาพ ความงาม อาหารเสริมและเครื่องมือแพทย์ต่างๆ ในประเทศไทยมีอัตราการเติบโตสูงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งในปีนี้ทางสภาอุตสาหกรรมฯ คาดว่าอัตราการเจริญเติบโตด้านการส่งออกของประเทศไทยจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 4 ขณะนี้มูลค่าตลาดโดยรวมของคลัสเตอร์ผลิตภัณฑ์สุขภาพและความงามมีมากกว่า 4 แสนล้านบาท โดยการส่งออกผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพและความงามจะเติบโตขึ้นร้อยละ 5 เนื่องจากไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ที่หันมาดูแลสุขภาพและความงามมากขึ้น
“สภาอุตสาหกรรมฯ เล็งเห็นว่าประเทศไทยมีศักยภาพที่จะเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมสุขภาพ และความงามของอาเซียน ซึ่งก็น่าภูมิใจที่เครื่องสำอางไทยคงความเป็นผู้นำในอาเซียน มาโดยตลอด และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าด้วยนวัตกรรม ที่มีการสอดแทรกสมุนไพรที่ประเทศไทยมีกว่า 2 แสนสายพันธุ์ ซึ่งสามารถทดแทนวัตถุดิบที่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ และสามารถนำพาประเทศไทยสู่ตลาดสุขภาพ และความงามโลกอย่างยั่งยืน ประเทศไทยเป็นทั้งแหล่งผลิตสินค้าสุขภาพและความงามที่ได้มาตรฐานและมีความเจริญด้านสาธารณสุขตลอดจนคงวัฒนธรรมของชาติไว้ในระดับแนวหน้าของภูมิภาคอาเซียน ดังนั้นการจัดงาน Beyond Beauty ASEAN – Bangkok 2015 ของคลัสเตอร์ผลิตภัณฑ์สุขภาพและความงามภายใต้ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ก็เพื่อเป็นเวทีการค้าสำหรับอุตสาหกรรมสุขภาพและความงามที่ครบวงจรที่สุดในภูมิภาคอาเซียน พร้อมยกระดับศักยภาพของผลิตภัณฑ์ และการทำตลาดของอาเซียนให้สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้
ทั้งนี้ ประเทศไทยยังถือว่ามีความพร้อมในด้านต่างๆ ที่จะขยายตลาดออกไปยังต่างประเทศเมื่อเข้าสู่ AEC โดยทางสภาอุตสาหกรรมฯ มีนโยบายในการส่งเสริมอุตสาหกรรมสุขภาพและความงาม ให้เป็นศูนย์กลางการผลิต และการวิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพและความงามของอาเซียน ตลอดจนสามารถพัฒนาแบรนด์ไทยเติบโตสู่ตลาดสากลได้อย่างยั่งยืน" นายสุพันธุ์ กล่าว
ด้านนางเกศมณี เลิศกิจจา ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง สภาอุตสาหกรรมฯ เปิดเผยว่า การจัดงานในปีนี้เรามีมุ่งหวังให้ผู้ประกอบการที่อยู่ในอุตสาหกรรมความงามใช้เวที Beyond Beauty ASEAN – Bangkok 2015 เพื่อรวมกลุ่ม เสริมความแข็งแกร่งทางธุรกิจในตลาดโลก และเตรียมพร้อมรับการขยายตัวของธุรกิจความงามในตลาดระดับกลางที่กำลังเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องนอกจากนี้ ยังจัดให้มีพื้นที่สำหรับผู้ผลิต OEM สถาบันวิจัยและบรรจุภัณฑ์ขึ้นเพื่อตอบสนองการขยายตัวของตลาด อุตสาหกรรมสุขภาพและความงานในอาเซียนที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งเพิ่มในส่วนของผลิตภัณฑ์ Made-in-Thailand และกลุ่มผู้ประกอบการขนาดกลาง และขนาดย่อม (SME) เพื่อสร้างโอกาสที่ดีที่สุดให้ผู้ประกอบการไทยได้ประชาสัมพันธ์สินค้า และขยายธุรกิจไปยังตลาดต่างประเทศ พร้อมทั้งยังมี VIP Buyer Program ที่จะนำผู้ซื้อคนสำคัญ กว่า 150 รายจากทั่วโลก มาร่วมเจรจาธุรกิจในงานนี้