ทั้งนี้ การเปิดรับลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 15 ก.ย.ที่ผ่านมา มีผู้มาลงทะเบียนรวมกว่า 6 หมื่นราย เป็นการลงทะเบียนผ่านอินเตอร์เน็ต 20% และลงทะเบียนตามสาขา 80% โดยการเปิดจองซื้อในวันที่ 3-7 ต.ค.นี้ มั่นใจว่าจะมีความโปร่งใส โดยระบบทั้งหมดมีความพร้อมแม้จะมีจำนวนยอดจองถล่มทลายก็ไม่มีปัญหา ซึ่งผู้ที่จองซื้อก่อนก็จะได้สลากไปก่อน ถ้าซื้อไม่ทัน ก็จะโอนเงินและค่าธรรมเนียมคืนเข้าบัญชี
"เบื้องต้นจะมียอดสลากที่เปิดให้ซื้อในวันที่ 3 ต.ค.ประมาณ 1 ล้านฉบับ มั่นใจว่าจะมีผู้คืนสลากเพิ่ม แต่ยังไม่แสดงตัวออกมา เพราะจากการเปิดเสรีสลาก จะทำให้รายย่อยสามารถรับสลากได้โดยตรงที่ราคาต้นทุน 70.40 บาทต่อใบ หากยี่ปั๊ว ซาปั๊ว สามารถจำหน่ายในราคาดังกล่าวได้ก็ไม่ต้องคืนโควตา แต่หากทำไม่ได้ ยังขายส่งที่ 73-74 บาทต่อใบ ก็ไม่มีรายย่อยที่ไหนจะไปรับมาขาย ซึ่งทำให้มีโควตาเหลือบางส่วนมีจะเปิดขายให้กับรายย่อยเพิ่มได้ โดยสลากจะเปิดให้แจ้งล่วงหน้า 1 เดือนกรณีต้องการคืนโควตา" พล.ต.อภิรัชต์ กล่าว
พล.ต.อภิรัชต์ กล่าวว่า ในส่วนของการเปิดจองสลากส่วนที่ซื้อไม่ทันในวันที่ 3 ต.ค.นี้ จะมีการพิมพ์เพิ่มเต็มขีดความสามารถอีก 26 ล้านฉบับ หรือ 13 ล้านฉบับคู่ ซึ่งเชื่อว่าจะเพียงพอ และควบคุมราคาสลากไม่ให้เกิน 80 บาทได้ แต่หากพบว่ายังมีคนขายเกินราคาอยู่ มาตรการในเฟสสองจะมีการใช้มาตรา 44 เข้ามาจัดการเต็มที่ หากพบจะมีโทษติดคุก 1 เดือนปรับ 1 หมื่นบาท
ด้านนายทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย(KTB) กล่าวว่า ในรอบจองซื้อวันที่ 3 ต.ค.นี้ ระบบจะรองรับผู้ที่ยื่นซื้อ ใครมาก่อนได้ก่อน โดยสามารถตรวจสอบได้ หากว่ารายย่อยใดที่ได้รับสิทธิ ทุกยอดจำหน่าย 1 หมื่นเล่ม ธนาคารจะส่ง SMS ไปแจ้งว่าได้รับการจัดสรรแล้ว และรับสลากที่ไปรษณีย์จะจัดส่งให้ภายใน 3 วัน ส่วนที่รายที่ซื้อไม่ทัน ก็จะโอนไปอยู่ในยอดจองงวดต่อไป โดยจะส่ง SMS แจ้งในวันที่ 7 ต.ค.ว่าไม่ได้รับการจัดสรร และโอนเงินคืนพร้อมเงินค่าธรรมเนียมในวันดังกล่าว