เงินบาทปิด 36.18 อ่อนค่าตามภูมิภาค หลังดอลล์แข็ง มองกรอบพรุ่งนี้ 36.10-36.25

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday September 23, 2015 17:37 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงิน เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดที่ระดับ 36.18 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจากเปิดตลาดช่วงเช้าที่ระดับ 36.10/12 บาท/ดอลลาร์ ระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง 36.06-36.19 บาท/ดอลลาร์
"วันนี้เงินบาทอ่อนค่าไปเยอะ ซึ่งเป็นไปตามภูมิภาคที่ trend ดอลลาร์แข็งค่า เนื่องจากความไม่ชัดเจนเรื่อง FED ปรับขึ้นนอัตราดอกเบี้ย ทำให้มีแรงเทขายในตลาดหุ้นและตลาด commodity ออกมามาก" นักบริหารเงิน กล่าว

นักบริหารเงิน คาดว่า วันพรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 36.10-36.25 บาท/ดอลลาร์

"วันนี้เงินบาทอ่อนค่ามาอยู่ใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 6 ปีครึ่ง ถ้าพรุ่งนี้หลุดกรอบที่ให้ไว้(36.25)จะทำไฮในรอบ 9 ปี" นักบริหารเงิน กล่าว

*ปัจจัยสำคัญ

  • เงินเยนอยู่ที่ 119.85/91 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 119.85/91 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ 1.1170/21 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.1170/1121 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,375.17 จุด ลดลง 4.15 จุด, -0.30% มูลค่าการซื้อขาย 33,596.33 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 4,897.29 ล้านบาท(SET+MAI)
  • นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง คาดว่าจะสามารถสรุปมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในส่วนของภาคอสังหาริมทรัพย์ได้ภายใน 2 สัปดาห์ โดยจะเสนอให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ปล่อยวงเงินสินเชื่อเพิ่มเติมด้วย
  • นายวุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด รายงานสถิติการขายรถยนต์ประจำเดือน ส.ค.58 มีปริมาณการขายทั้งสิ้น 61,991 คัน ลดลง 9.9%
  • ตลาดจับตาดูการกล่าวสุนทรพจน์ของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ในวันพฤหัสบดีที่เมืองแอมเฮิร์สท์ รัฐแมสซาชูเซตส์ ในหัวข้อ "พลวัตเงินเฟ้อและนโยบายการเงิน(Inflation Dynamics and Monetary Policy)" ซึ่งอาจตอกย้ำให้ทุกฝ่ายรู้ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหรือไม่ในปีนี้ หรือเลื่อนระยะเวลาในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไปเป็นปีหน้า แม้ก่อนหน้านี้นายเดนนิส ล็อคฮาร์ท ประธานธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) สาขาแอตแลนตา ระบุยังคงหวังว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ หลังเศรษฐกิจของสหรัฐมีแนวโน้มแข็งแกร่งขึ้น
  • นายจอร์จ ออสบอร์น รัฐมนตรีคลังอังกฤษกล่าวว่า อังกฤษมีแนวโน้มที่จะยกเลิกการใช้นโยบายผ่อนคลายการเงิน ด้านธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ยังคงส่งสัญญาณว่ามีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า โดยรายงานการประชุมระบุว่า กรรมการ BoE เห็นพ้องกันว่าการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน และภาวะปั่นป่วนในตลาดการเงินทั่วโลกยังไม่ได้ทำให้มุมมองของเศรษฐกิจอังกฤษเปลี่ยนแปลงไป
  • ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนกล่าวระหว่างเดินทางเยือนสหรัฐว่า ธนาคารเพื่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานแห่งเอเชีย(AIIB) มีจุดมุ่งหมายเพื่อการพัฒนาร่วมกันมากกว่าจะเป็นการแสวงหาอิทธิพล
  • สำนักงานสถิติมาเลเซีย เผยดัชนีราคาผู้บริโภค(CPI) เดือน ส.ค.ปรับตัวขึ้น 3.1% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งสูงกว่าคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ 3.0% แต่ชะลอลงเมื่อเทียบกับการขยายตัว 3.3% ในเดือน ก.ค. โดยการเพิ่มขึ้นของ CPI เดือนที่ผ่านมาเป็นผลมาจากราคาที่สูงขึ้นในภาคที่อยู่อาศัย สาธารณูปโภค ก๊าซ และเชื้อเพลิงอื่นๆ แต่หากเทียบเป็นรายเดือน ดัชนี CPI เดือน ส.ค.ยังคงทรงตัวเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า
  • ทางการสิงคโปร์เผยดัชนีราคาผู้บริโภค(CPI) เดือน ส.ค.ปรับตัวลดลง 0.8% เทียบรายปี โดยหดตัวมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะลดลง 0.5% และปรับตัวลดลงเป็นเดือนที่ 10 ติดต่อกัน หลังต้นทุนด้านอสังหาริมทรัพย์และการขนส่งปรับตัวลดลง
  • นายจอร์จ ออสบอร์น รมว.คลังของอังกฤษ ระบุมีแนวโน้มที่จะยกเลิกการใช้นโยบายผ่อนคลายการเงิน หลังได้รับสัญญาณจากผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษ(BoE) ซึ่งจะทำให้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยมีความชัดเจน
  • ยูบีเอสคาดการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(GDP) ของฮ่องกงปรับตัวลดลงสู่ระดับ 1% ในปีหน้า ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2552 ถึงแม้ฮ่องกงจะเป็นประตูสำหรับนักลงทุนต่างชาติที่มองหาโอกาสในการทำธุรกิจ เพราะฮ่องกงมีเศรษฐกิจแบบเปิดและมีการผลิตเพียงเล็กน้อยจะประสบกับภาวะขาลงที่ยาวนานเนื่องจากการแข็งค่าของอัตราแลกเปลี่ยนและการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ขณะที่ภาคการเงินซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่สดใสของฮ่องกงยังไม่สามารถผลักดันการขยายตัวของเศรษฐกิจได้

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ