ทั้งนี้ คาดว่าภาพรวมในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 58 จะมีชาวจีนเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยจำนวนไม่ต่ำกว่า 1.8 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 22.6 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า (ที่เติบโตสูงถึงร้อยละ 69.8 ซึ่งได้รับแรงหนุนจากมาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวชาวจีนในช่วงเดือนสิงหาคม-พฤศจิกายนปี 2557)
สำหรับการท่องเที่ยวของไทยในปัจจุบันยังคงต้องพึ่งพาตลาดนักท่องเที่ยวชาวจีนเป็นหลัก แต่ในช่วงที่เหลือของปีนี้ยังคงมีหลายปัจจัยที่ต้องติดตาม โดยเฉพาะปัจจัยภายในของจีน คือ ภาวะเศรษฐกิจจีนที่มีแนวโน้มชะลอตัว ซึ่งคงมีผลไม่ทางตรงก็ทางอ้อมกับชาวจีนที่มีแผนเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ รวมถึงกลุ่มที่มีแผนเดินทางมาไทยในช่วงที่เหลือของปีนี้
อย่างไรก็ดี ในภาวะที่เศรษฐกิจจีนที่มีทิศทางชะลอตัว ผู้ประกอบการธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องอาจจะหันมาทำตลาดนักท่องเที่ยวชาวจีนระดับบนเพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นตลาดที่มีการใช้จ่ายสูงกว่าตลาดนักท่องเที่ยวทั่วไป ซึ่งก็น่าจะช่วยทดแทนเม็ดเงินที่หดหายไปจากกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากความเปราะบางของเศรษฐกิจจีน ขณะที่มองไปข้างหน้า การหันมาทำตลาดนักท่องเที่ยวศักยภาพที่มีการใช้จ่ายต่อทริปสูงกว่านักท่องเที่ยวทั่วไป น่าจะช่วยทดแทนตลาดนักท่องเที่ยวจีนบางกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจจีนในปัจจุบันได้ โดยนักท่องเที่ยวชาวจีนระดับบน (ไฮเอนด์) ซึ่งจากการสำรวจของ International Luxury Travel Market Asia (ILTM Asia) พบว่ามีการใช้จ่ายในปลายทางท่องเที่ยวยอดนิยมอยู่ที่ประมาณ 3,200-8,000 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อคนต่อทริป จึงเป็นตลาดศักยภาพที่มีความน่าสนใจและควรเร่งส่งเสริมจากที่ในปัจจุบันไทยมีสัดส่วนไม่ถึงร้อยละ 10
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า ตลาดชาวจีนระดับบนที่เดินทางมาท่องเที่ยวไทยในปี 58 นี้น่าจะอยู่ที่ประมาณ 3.8 แสนคน ซึ่งมีแนวมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องแบบค่อยเป็นค่อยไป ด้วยการเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศของตลาดกลุ่มนี้เน้นการเดินทางเพื่อผักผ่อน ซึ่งทรัพยากรด้านการท่องเที่ยวของไทยสามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของตลาดกลุ่มนี้ได้ ไม่ว่าจะเป็นความสวยงามเฉพาะตัวของหมู่เกาะต่างๆ ของไทย โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งสามารถตอบโจทย์การท่องเที่ยวทางทะเลที่เป็นกิจกรรมยอดนิยมของตลาดกลุ่มนี้ที่ชื่นชอบการเดินเล่นตามชายหาด กีฬาทางน้ำ (เช่น ว่ายน้ำ ดำน้ำ การล่องเรือชมทัศนียภาพ เป็นต้น) รวมถึงกิจกรรมอื่นๆ เช่น กิจกรรมช้อปปิ้ง โดยเฉพาะการเลือกซื้อของฝากของที่ระลึกที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว การรับประทานอาหาร เป็นต้น
นอกจากนี้ ประเทศไทยยังมีศักยภาพสามารถรองรับตลาดท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ โดยเฉพาะการจับตลาดตรวจสุขภาพที่ชาวจีนระดับบนค่อนข้างให้ความสำคัญเรื่องสุขภาพและการควบคุมอาหาร
อย่างไรก็ตาม การจับตลาดระดับบนนี้ควรจะต้องเลือกช่องทางการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล โดยอาจจะเป็นการให้สิทธิพิเศษลูกค้าระดับไฮเอนด์มาใช้บริการ เพื่อก่อให้เกิดการบอกเล่าประสบการณ์ต่อไปยังกับครอบครัวและกลุ่มเพื่อนที่เป็นตลาดจีนระดับบนด้วยกัน ขณะเดียวกันก็ควรทำการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่ออื่นๆ ควบคู่กัน ได้แก่ สื่อโทรทัศน์ สื่อสิ่งพิมพ์ (นิตยสารท่องเที่ยว) รวมถึงสื่อสังคมออนไลน์ที่นับวันมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของตลาดกลุ่มนี้มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งแอพพลิเคชั่นที่เกี่ยวข้องกับการสื่อสาร เช่น Wechat และ Twitter เป็นต้น
"ในปัจจุบันไทยจะมีสัดส่วนตลาดชาวจีนระดับบนไม่ถึงร้อยละ 10 แต่ก็มีแนวโน้มเติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไป ด้วยทรัพยากรด้านการท่องเที่ยวของไทยสามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของตลาดกลุ่มนี้ ไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยวทางทะเล กิจกรรมช้อปปิ้ง รวมถึงการท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ"ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุ