ทั้งนี้ ภาคสาธารณะมีรายได้รวม 5,298,975 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 326,184 ล้านบาท หรือร้อยละ 5.8 สาเหตุสำคัญ เป็นผลจากรัฐวิสาหกิจ โดยเฉพาะ บมจ.ปตท. การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และโรงงานยาสูบ มีรายได้จากการขายสินค้าและบริการลดลง สำหรับด้านรายจ่ายภาคสาธารณะมีการเบิกจ่ายทั้งสิ้น 5,342,578 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 403,296 ล้านบาท หรือร้อยละ 7.0 อันเนื่องมาจากรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่ มีการเบิกจ่ายลดลง
สำหรับดุลการคลังเบื้องต้นของภาคสาธารณะ(Primary Balance) ซึ่งเป็นดุลการคลังที่สะท้อนถึงผลการดำเนินงานและทิศทางของนโยบายการคลังอย่างแท้จริง (ไม่รวมรายได้และรายจ่ายดอกเบี้ย รวมทั้งการชำระคืนต้นเงินกู้) เกินดุล 112,595 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 0.8 ของ GDP)
"รัฐบาลดำเนินนโยบายการคลังแบบขาดดุล เพื่อสนับสนุนให้เกิดการเติบโตทางเศรษฐกิจ และยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชน" นายกฤษฎา กล่าว
สำหรับฐานะการคลังภาคสาธารณะในไตรมาสที่ 3 ของปีงบประมาณ 2558 (เม.ย.-มิ.ย.58) มีรายได้ 1,862,977 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 132,368 ล้านบาท หรือร้อยละ 6.6 และมีรายจ่าย 1,696,298 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 149,337 ล้านบาท หรือร้อยละ 8.1
ทั้งนี้ ดุลการคลังภาคสาธารณะในไตรมาสที่ 3 ของปีงบประมาณ 2558 เกินดุล 166,679 ล้านบาท เกินดุลเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 16,969 ล้านบาท หรือร้อยละ 11.3 และเมื่อพิจารณาดุลการคลังเบื้องต้นของภาคสาธารณะ (Primary Balance) ซึ่งเป็นดุลการคลังที่สะท้อนถึงผลการดำเนินงานและทิศทางของนโยบายการคลังอย่างแท้จริง (ไม่รวมดอกเบี้ยรับและดอกเบี้ยจ่าย รวมทั้งการชำระต้นเงินกู้) เกินดุล 238,101 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 1.8 ของ GDP