"สมคิด"มอบนโยบายสสว. เร่งสร้างเครือข่ายกับตปท.ช่วยยกระดับ SMEs ไทย

ข่าวเศรษฐกิจ Monday September 28, 2015 16:22 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานมอบนโยบายการส่งเสริมผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็ก (SMEs) ให้แก่สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(สสว.) โดยได้มอบหมายให้ สสว.จัดทำ Business Matching เชื่อมโยงกับ SMEs จากต่างประเทศ โดยเฉพาะกับประเทศญี่ปุ่น ไต้หวัน และเกาหลีใต้ ให้แล้วเสร็จภายใน 1 เดือน เนื่องจากที่ผ่านมาผู้ประกอบการจากต่างประเทศไม่มีข้อมูลที่เพียงพอ ซึ่งหากทำได้จะมีส่วนช่วยในการยกระดับ SMEs ของไทยด้วย

รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลมีนโยบายปรับโครงสร้างเศรษฐกิจให้ความสำคัญกับผู้ประกอบการในการเร่งสร้างมูลค่าและนวัตกรรมใหม่ๆ จึงฝากให้ สสว.ให้ความสำคัญกับกลุ่ม Start up โดยได้กำหนดให้เร่งสร้างกลุ่ม Start up 1 หมื่นราย ภายในปี 2559-2561 พร้อมมอบนโยบายให้สสว.เข้าไปค้นหากลุ่ม Start up ตั้งแต่ในระดับมหาวิทยลัย หรือสถาบันวิจัยที่มีการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อนำมาต่อยอดและส่งเสริมให้เกิดเป็นธุรกิจขึ้นมาได้ ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นหนึ่งมาตรการที่กระทรวงอุตสาหกรรมเตรียมนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีต่อไป

นายสมคิด มองว่า SMEs ถือเป็นอนาคตของประเทศ และอยากเห็น SMEs เกิดใหม่ในหลากหลายธุรกิจ ซึ่งมีโอกาสพัฒนาและมีศักยภาพ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มอุตสากรรมซอฟแวร์ ธุรกิจบริการและสปา อาหารแปรรูป ด้านไอทีและเกมส์ รวมถึงด้านครีเอทีฟ

ส่วนเรื่องนิรโทษกรรมด้านภาษีให้กับ SMEs นั้น นายสมคิด ระบุว่า กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการจัดทำมาตรการช่วยเหลือ SMEs แต่จะมีข้อกำหนดและบทลงโทษที่ชัดเจนหากมีความผิดพลาดขึ้นอีก

"ไม่ใช่เป็นการนิรโทษ เราจะช่วยเขา แต่เขาต้องเข้าสู่ระบบ และห้ามผิดพลาดอีก ถ้าผิดพลาดอีกจะต้องมีบทลงโทษ ไม่มีใครใจร้าย ทุกคนอยากจะช่วย"นายสมคิด กล่าว

ด้านนางสาลินี วังตาล ผู้อำนวยการ สสว. กล่าวว่า นโยบายที่รองนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายในวันนี้ ต้องการให้เห็นผลสำเร็จภายใน 1 ปีครึ่ง แต่งานบางเรื่องก็สามารถทำได้ทันที เช่น เรื่อง Business Matching ที่ต้องแล้วเสร็จภายใน 1 เดือน ซึ่งในส่วนการเชื่อมโยงกับ SMEs จากต่างประเทศนั้น สสว.จะคัดเลือก SMEs ของไทยที่เห็นว่าจะสามารถจับคู่ได้ ประมาณ 4 แสนราย ซึ่งเป็น SMEs ที่อยู่ในระบบ มีข้อมูลที่ครบถ้วนและมีการเสียภาษีถูกต้องมีการส่งงบการเงินอย่างสม่ำเสมอ

ทั้งนี้ ในส่วนระยะเร่งด่วนนั้น สสว.จะเน้นให้ความช่วยเหลือ SMEs ไทยจำนวน 7 หมื่นราย ประกอบด้วย 1.กลุ่ม SMEs ที่มีศักยภาพและจะส่งเสริมให้ดียิ่งขึ้น จำนวน 5 หมื่นราย ภายในปี 2559-2561 2.กลุ่ม Start up จำนวน 1 หมื่นราย ภายในปี 2559-2561 และกลุ่ม Turnaroud จำนวน 1 หมื่นรายภายในปี 2559

นอกจากนี้ สสว.จะเข้าไปช่วยในเรื่องบรรเทาปัญหาภัยแล้ง ช่วยเสริมสร้างให้วิสาหกิจชุมชนให้เข้มแข็ง สามารถสร้างรายได้เสริมได้ รวมถึงการสร้างระบบออนไลน์หาช่องทางจำหน่ายสินค้าผ่านทางเวปไซด์ให้กับ SMEs รายย่อย โดยหารือร่วมกับทางกระทรวงพาณิชย์ และส่งเสริมความร่วมมือกับธนาคาร SME และธนาคารกรุงไทยในเรื่องสินเชื่อและการเข้าถึงแหล่งเงินทุนมากขึ้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ