ด้านอัตราการใช้กำลังผลิตเดือน ส.ค.58 อยู่ที่ 57.77% ลดลงจาก 60.38% ของช่วงเดียวกันปีก่อน และลดลงจาก 58.67% ในก.ค.58
นายณัฐพล รังสิตพล รองผู้อำนวยการ สศอ. เปิดเผยว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือนสิงหาคม 2558 หดตัว 8.3% อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมรถยนต์ยังคงขยายตัวได้ดี โดยขยายตัวในระดับ 2 หลักที่ 13.3% โดยอุตสาหกรรมสำคัญที่ลดลง อาทิ HDD โทรทัศน์ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และผลิตภัณฑ์จากสัตว์น้ำ ขณะที่ภาพการผลิตของประเทศในเอเชียในช่วงปี 2557 และ 2558 ที่ผ่านมายังมีทิศทางเปราะบางโดยประเทศที่ยังขยายตัวได้ เช่น มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ก็ยังขยายตัวในระดับต่ำ ขณะที่ในบางประเทศอย่างเกาหลีใต้ และ ไต้หวัน มี MPI ติดลบในบางช่วงเวลาสอดคล้องกับภาคการผลิตของไทย
การส่งออกรถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบรถยนต์ ยังขยายตัวได้ต่อเนื่องจากเดือนก่อนหน้า แต่ตลาดส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมไม่รวมทองคำแท่งในเดือนสิงหาคม 2558 หดตัว 8.2% ยังคงหดตัวต่อเนื่องตามการลดลงของการส่งออกสินค้าที่มีราคาเกี่ยวเนื่องกับราคาน้ำมันดิบ อาทิ เม็ดพลาสติก และเคมีภัณฑ์ ประกอบกับการส่งออกสินค้าสำคัญหลายรายการปรับตัวลดลง อาทิเครื่องใช้ไฟฟ้า อิเลคทรอนิกส์ สิ่งทอ และผลิตภัณฑ์ยาง เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ยังได้รับแรงสนับสนุนจากการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมไปตลาดสหรัฐ ตลาด CLMV รวมถึงตลาดสหภาพยุโรปที่ขยายตัว
ในส่วนของอุตสาหกรรมรถยนต์ การผลิตมีจำนวน 159,470 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 13.26% การจำหน่ายในประเทศ มีจำนวน 61,991 คัน ลดลง 9.94% และการส่งออกมีจำนวน 101,982 คัน เพิ่มขึ้น 13.88% โดยการส่งออกรถยนต์นั่ง มีจำนวน 38,588 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 20.96% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นในประเทศแถบยุโรป เอเชีย และอเมริกาเหนือ การส่งออกรถกระบะ 1 ตันและ PPV มีจำนวน 63,394 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 9.97% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นในประเทศแถบโอเชียเนีย ยุโรป อเมริกากลางและใต้
สำหรับอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ปรับตัวลดลง 25.06% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมาจากอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ที่ปรับตัวลดลง 26.81% สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมดปรับตัวลดลง เช่น HDD Monolithic IC และ Semiconductor ปรับตัวลดลง 32.18% 18.92% และ 3.80% ตามลำดับ เนื่องจากความต้องการคอมพิวเตอร์และโน้ตบุ๊กในตลาดโลกลดลง ประกอบกับเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ทำให้ความต้องการผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ในตลาดโลกลดลง
ส่วนอุตสาหกรรมไฟฟ้า ปรับตัวลดลง 14.91% กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าเกือบทั้งหมดปรับตัวลดลง เช่น เครื่องปรับอากาศแบบแยกส่วนคอนเดนซิ่งยูนิต คอมเพรสเซอร์ ตู้เย็น และเครื่องรับโทรทัศน์ ลดลง 5.57% 7.68% 4.53% และ 74.45% ตามลำดับ เนื่องจากกำลังซื้อในประเทศชะลอตัวลง ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ซบเซา จึงส่งผลให้ความต้องการเครื่องใช้ไฟฟ้าลดลงตามไปด้วย รวมถึงได้รับผลกระทบจากตลาดส่งออกหลักที่ยังไม่ฟื้นตัว (ยุโรป และญี่ปุ่น) สำหรับเครื่องรับโทรทัศน์มีผู้ผลิตบางรายย้ายฐาน การผลิตไปประเทศในกลุ่มอาเซียน ยกเว้นเครื่องปรับอากาศแบบแยกส่วนแฟนคอยล์ยูนิต ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.16% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนอุตสาหกรรมเหล็กนั้น การบริโภคเหล็กของไทยเดือนสิงหาคมปี 2558 มีปริมาณ 1.43 ล้านตัน ลดลง 8.92% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน การผลิตมีปริมาณ 0.57 ล้านตัน ลดลง 14.93% การส่งออกมีมูลค่า 64 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลง 5.88% สำหรับการนำเข้า 616 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลง 14.80% เนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศที่ยังคงชะลอตัวอยู่จึงทำให้กำลังซื้อลดลง
นอกจากนี้เป็นผลมาจากราคาเหล็กในตลาดโลกที่ลดลง จึงมีผลทางจิตวิทยาทำให้ผู้ซื้อชะลอการสั่งซื้อ ผลิตภัณฑ์เหล็กทรงแบน มีการผลิตที่ลดลงแทบทุกชนิด เช่น เหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วน และเหล็กแผ่นเคลือบสังกะสีลดลง เนื่องจากสถานการณ์อุตสาหกรรมก่อสร้างที่ชะลอตัวลง รองลงมาคือ เหล็กแผ่นเคลือบดีบุกลดลง เนื่องจากปัญหาเหล็กนำเข้าจากจีนเข้ามาแข่งกับตลาดในประเทศ
สำหรับเหล็กทรงยาว การผลิตลดลงแทบทุกผลิตภัณฑ์ โดยผลิตภัณฑ์ที่มีการผลิตลดลงแทบทุกตัว คือ เหล็กเส้นกลม เหล็กเส้นข้ออ้อย เนื่องจากสถานการณ์อุตสาหกรรมก่อสร้าง ประกอบกับการแข่งขันจากเหล็กราคาถูกจากประเทศจีน ส่งผลให้ผู้ผลิตในประเทศไม่สามารถแข่งขัน ขณะที่อุตสาหกรรมสิ่งทอนั้น การผลิตเส้นใยสิ่งทอผ้าผืน และเสื้อผ้าสำเร็จรูปลดลง 1.89% 9.60% และ 3.02% ตามลำดับ เนื่องจากการชะลอตัวของคำสั่งซื้อต่างประเทศในผลิตภัณฑ์เส้นใยสังเคราะห์ ประกอบกับผู้ใช้นำเข้าผ้าผืนจากต่างประเทศ เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายและนำเข้าในผลิตภัณฑ์ที่ไม่สามารถผลิตได้ สำหรับเสื้อผ้าสำเร็จรูป มีคำสั่งซื้อลดลงจากตลาดญี่ปุ่น และสหภาพยุโรปซึ่งอยู่ในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว การส่งออกเดือนสิงหาคม ปี 2558 มีมูลค่าลดลงในผลิตภัณฑ์เส้นใยสิ่งทอ 3.82% จากการลดลงในตลาดคู่ค้าได้แก่ อินโดนีเซีย จีน เวียดนาม และอินเดีย
ในส่วนผลิตภัณฑ์ผ้าผืน มีมูลค่าการส่งออกลดลง 9.70% ในตลาดอาเซียน ได้แก่ เวียดนาม เมียนมาร์ อินโดนีเซีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์สำหรับเสื้อผ้าสำเร็จรูปลดลงเช่นกัน 11.46% จากคำสั่งซื้อในตลาดสหภาพยุโรป และญี่ปุ่นลดลงตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว