"กฏหมายเดิมชี้นำไปในการประมูลอย่างเดียว แต่ตอนนี้โครงสร้างการขนส่งเปลี่ยนไป และถ้ามีหลายเจ้ามาดำเนินการจะต้องมีการซ่อมบำรุง มีอู่คนละกลุ่มงานกัน ซึ่งตามนโยบายของรัฐบาลนี้จะยึดประชาชนได้ประโยชน์ โดยที่ประชาชนต้องสะดวก ขณะที่รัฐต้องประหยัดการลงทุน" พล.ต.สรรเสริญ กล่าว
ทั้งนี้ทางคณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐที่มีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานจะเป็นผู้พิจารณา ตามที่คณะกรรมการฯเห็นว่าเหมาะสม
ด้านนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม.วันนี้ มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ในการยุติการดำเนินการคัดเลือกเอกชนลงทุนงานระบบรถไฟฟ้าและรับจ้างเดินรถในโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย(หัวลำโพง-บางแค และเตาปูน-ท่าพระ)ระยะทาง 27 กม.ตามพ.ร.บ.ร่วมทุนฯ 35 ซึ่งเป็นไปมติครม.เมื่อวันที่ 28 ธ.ค.2553 โดยให้รฟม.ดำเนินการตาม พ.ร.บ. ร่วมทุนฯ 56 เนื่องจากเห็นว่า มติครม.เดิมเมื่อปี 2553 ที่เห็นชอบให้เอกชนลงทุนในรูปแบบ PPP -Gross Cost (รัฐเป็นผู้รับความเสี่ยงค่าโดยสารและจ้างเอกชนเป็นผู้เดินรถและซ่อมบำรุง โดยรัฐจ่ายค่าจ้างเดินรถ) แต่ช่วงเวลาที่ผ่านมาสภาพการเดินทางในกรุงเทพฯเปลี่ยนไป โดยโครงข่ายระบบขนส่งมวลชนได้เปิดให้บริการเพิ่มขึ้น มีจำนวนผู้โดยสารแต่ละเส้นทางมากขึ้น รถไฟฟ้า MRT และ BTS มีการเชื่อมต่อกัน ซึ่งทำให้เอกชนไม่ต้องรับความเสี่ยงมากนัก
หลังจาก ครม.เห็นชอบการเปลี่ยนมาใช้พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ 56 แล้วจะมี 5 ขั้นตอนที่จะต้องดำเนินการ 1. กระทรวงคมนาคมจะเร่งรัดให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เสนอผลการศึกษาและวิเคราะห์ การทบทวนรูปแบบการลงทุนระบบรถไฟฟ้าและการเดินรถที่เหมาะสม ซึ่งจะเป็นการเปลี่ยนจาก รูปแบบ PPP -Gross Cost เปลี่ยนเป็นรูปแบบ PPP-Net Cost (สัมปทาน โดยเอกชนเป็นผู้เดินรถและซ่อมบำรุง พร้อมทั้งรับความเสี่ยงค่าโดยสารและจ่ายผลตอบแทนให้รัฐ) เพื่อเสนอต่อสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.)คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 3 เดือน
2. สคร.เสนอเรื่องต่อ คณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (คณะกรรมการ PPP) ที่มีนายสมคิด เป็นประธาน 3. คณะกรรมการ PPP พิจารณา 4. หากคณะกรรมการ PPP เห็นชอบรูปแบบ PPP-Net Cost จะตั้งคณะกรรมการมาตรา 35 แห่งพ.ร.บ.ร่วมทุนฯ56 เพื่อยกร่าง TOR และเสนอวิธีการคัดเลือกเอกชนต่อคณะกรรมการ PPP ซึ่งเมื่อคณะกรรมการ.มาตรา 35 ไม่เห็นเป็นอย่างอื่น ตามหลักกฎหมายจะต้องเปิดประกวดราคา แต่หากมีความเห็นเป็นอย่างอื่น เช่น ใช้การเจรจา จะต้องเสนอคณะกรรมการ PPP เห็นชอบก่อน
ทั้งนี้ กรณีที่คณะกรรมการ PPP ไม่เห็นด้วยกับการใช้รูปแบบ PPP-Net Cost ก็จะต้องถือว่าเป็นที่สิ้นสุด และรฟม.ต้องเดินหน้าตามนั้น ส่วนวิธีการคัดเลือกเอกชน ตามพ.ร.บ.ร่วมทุนฯ 56 ระบุให้ใช้การประกวดราคา ยกเว้นคณะกรรมการมาตรา 35 เห็นว่าควรใช้วิธีอื่นที่ไม่ใช่การประมูล ก็สามารถเสนอ สคร.ได้ หาก สคร.เห็นด้วยก็เดินหน้าเจรจาได้ หาก สคร.ไม่เห็นด้วยต้องเสนอคณะกรรมการ PPP พิจารณาและถือเป็นที่สิ้นสุด ส่วนครม.จะอยู่ในขั้นตอนสุดท้ายเมื่อสรุปผลการคัดเลือกได้ตัวเอกชนแล้วไม่ว่าจะใช้วิธีประมูลหรือเจรจา เพื่อยกร่างสัญญาและเสนอครม.เห็นชอบ