ทั้งนี้ จากการสำรวจความคิดเห็นจากกลุ่มตัวอย่างทั่วประเทศ 1,274 ตัวอย่างว่า ในปี 58 นี้จะกินเจในช่วงเทศกาลกินเจหรือไม่ พบว่า ประชาชน 68.7% ระบุว่าจะไม่กินเจ สาเหตุคือ ไม่มีเชื้อสายจีน, ที่บ้านไม่มีใครกินเจ และอาหารเจมีราคาแพง ขณะที่ประชาชนอีก 31.3% ระบุว่าจะกินเจ เพราะกินเฉพาะเทศกาล, ตั้งใจทำบุญ และเพื่อลดการบริโภคเนื้อสัตว์
ส่วนพฤติกรรมการกินเจในครั้งนี้ ประชาชน 81.6% ระบุว่า จะกินตลอดช่วงเทศกาลคือตั้งแต่ 13 ต.ค.-21 ต.ค.58 ขณะที่ประชาชนอีก 18.4% ระบุว่า จะกินเจเฉพาะบางมื้อ เนื่องจากเห็นว่าอาหารเจมีราคาแพง และหาซื้อยาก โดยสถานที่ที่จะซื้ออาหารเจส่วนใหญ่ตอบว่าเป็นการซื้ออาหารเจสำเร็จรูปตามร้านอาหารทั่วไป รองลงมา คือ ซื้อของมาทำกินเอง, ซื้ออาหารเจสำเร็จรูปจากร้านสะดวกซื้อ และไปกินที่โรงเจ นอกจากนี้ประชาชนส่วนใหญ่ 71.4% ระบุว่าไม่ได้เดินทางไปทำบุญตามสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ขณะที่อีก 28.6% ระบุว่า จะเดินทางไปทำบุญ
ทั้งนี้ เมื่อสอบถามถึงค่าใช้จ่ายโดยรวมในช่วงเทศกาลกินเจ คาดว่า ในปีนี้จะมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคนราว 9,669 บาท แบ่งเป็น ค่าเดินทางไปทำบุญต่างจังหวัด 3,423 บาท รองลงมา คือ ค่าที่พักขณะทำบุญในต่างจังหวัด 3,118 บาท ค่าทำบุญ 1,880 บาท และค่าอาหาร(เฉลี่ยต่อวัน) 844 บาท
สำหรับสิ่งที่ต้องการให้ภาครัฐเข้ามาดูแลในช่วงเทศกาลกินเจ อันดับแรก คือ ควบคุมราคาผักและอาหารเจให้เหมาะสมไม่แพงจนเกินไป เพราะส่วนใหญ่ทำจากแป้ง, ให้มีการรณรงค์เรื่องการงดเว้นการกินเนื้อสัตว์และการรักษาศีล, การตรวจสอบคุณภาพอาหาร รวมทั้งส่วนประกอบในอาหารเจที่ถูกต้องไม่ปลอมปนเนื้อสัตว์หรือเครื่องปรุงที่ห้ามรับประทานในช่วงกินเจ และสุดท้าย คือ จัดให้มีอาหารเจทานฟรี นอกจากนี้ สำหรับพรที่ประชาชนส่วนใหญ่จะขอให้กับประเทศไทย คือ ขอให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระราชินีทรงมีพระพลานามัยที่แข็งแรง รองลงมา คือ ขอให้ทำมาค้าขายดี กิจการรุ่งเรือง, ขอให้เศรษฐกิจดี ประชาชนมีเงินมีงานทำ และสุดท้าย คือ ขอให้ประเทศไทยสงบสุข