"การแก้ไขเพิ่มเติมดังกล่าวเพื่อให้สอดคล้องกับ พ.ร.บ.ศุลกากร ในการอำนวยความสะดวกทางการค้า พันธกรณีระหว่างประเทศ และสถานการณ์การค้าในปัจจุบัน รวมทั้งรองรับการก้าวเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน โดย พ.ร.บ.การส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้า(ฉบับที่ 2) พ.ศ.2558 จะมีผลบังคับในวันที่ 14 ธันวาคมนี้" นางดวงพร กล่าว
อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า ภายใต้ พ.ร.บ.ฉบับแก้ไขเพิ่มเติมนี้ สินค้าทั่วไปที่ไม่ได้มีมาตรการนำเข้า-ส่งออก ซึ่งมีอยู่หลายพันรายการ สามารถนำผ่านได้โดยเสรีภายใต้การกำกับดูแลของกรมศุลกากร เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกและส่งเสริมการค้าเสรีตามหลักสากล สำหรับสินค้าที่มีมาตรการนำเข้า-ส่งออกตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งในปัจจุบันมีประมาณ 100 รายการ ส่วนใหญ่สามารถนำผ่านได้โดยเสรีภายใต้การกำกับดูแลของกรมศุลกากร ยกเว้นสินค้าที่มีมาตรการนำเข้า-ส่งออกบางรายการเท่านั้นที่อาจส่งผลกระทบภายในประเทศ หากอนุญาตให้สินค้าดังกล่าวนำผ่านได้ จึงจำเป็นจะต้องห้ามนำผ่าน หรือมีมาตรการในการกำกับดูแลการนำผ่านให้มีความรัดกุม เพื่อป้องกันไม่ให้ใช้การนำผ่านเป็นช่องทางในการลักลอบนำเข้าและส่งออกสินค้าโดยผิดกฎหมาย เพื่อความมั่นคงและปกป้องประโยชน์ของรัฐเป็นสำคัญ ซึ่งการห้ามนำผ่านหรือการกำกับดูแลการนำผ่านสามารถดำเนินการได้โดยไม่ขัดต่อกติกาสากลและความตกลงระหว่างประเทศ ทั้งนี้ประเทศสมาชิกอาเซียนต่างก็มีบัญชีรายการสินค้าต้องห้ามต้องจำกัดในการผ่านแดนเช่นเดียวกัน
อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า การปรับปรุงกฎหมายใหม่นี้ก็เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ประกอบการขนส่งเพื่อรองรับการขยายตัวทางการค้าเมื่อเข้าสู่ AEC ขณะเดียวกันก็คำนึงถึงผลกระทบต่อความมั่นคงและประโยชน์ของประเทศชาติในภาพรวมด้วย โดยกระทรวงพาณิชย์จะออกประกาศและระเบียบภายใต้ พ.ร.บ.ฉบับใหม่เพื่อกำหนดรายการสินค้าและขั้นตอนในการปฏิบัติกรณีการนำผ่าน ซึ่งในเดือนพฤศจิกายนนี้จะจัดเวทีชี้แจงหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน ตลอดจนผู้ประกอบการขนส่งให้เข้าใจถึงแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจน เพื่อลดปัญหาในทางปฏิบัติต่อผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดก่อนที่กฎหมายฉบับใหม่จะมีผลบังคับใช้