ทริส ลดอันดับเครดิตองค์กร-หุ้นกู้ “ทางยกระดับดอนเมือง"เป็น BBB+ จาก A-

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday October 14, 2015 08:31 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ทริสเรทติ้งลดอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดปัจจุบันของ บริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) จากระดับ “A-" เป็น “BBB+" ในขณะเดียวกันยังจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 1,100 ล้านบาทครบกำหนดไถ่ถอนปี 2562 ของบริษัทที่ระดับ “BBB+" ด้วย โดยแนวโน้มยังคง “Stable" หรือ “คงที่"

ทั้งนี้ บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ไปใช้ชำระคืนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในเดือนธันวาคม 2558 นี้ ซึ่งอันดับเครดิตที่ลดลงสะท้อนถึงความยืดหยุ่นทางการเงินของบริษัทที่ต่ำลงหลังจากศาลปกครองกลางได้มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2558 เพิกถอนมติคณะรัฐมนตรีที่เห็นชอบการแก้ไขสัญญาสัมปทานของบริษัท จากความไม่แน่นอนและผลกระทบจากคำพิพากษาดังกล่าวอาจจะส่งผลอย่างมีนัยสำคัญต่อคุณภาพเครดิตของบริษัทจเนื่องจากบริษัทมีทางยกระดับเพียงเส้นทางเดียว นอกจากนี้ คณะผู้บริหารของบริษัทยังต้องสร้างสมดุลในผลประโยชน์ระหว่างเจ้าหนี้และผู้ถือหุ้นด้วย

อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตมีปัจจัยสนับสนุนจากการที่ทางยกระดับที่อยู่ในทำเลที่สำคัญ รวมทั้งมีความเสี่ยงในการดำเนินงานอยู่ในระดับต่ำ และการมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่คาดการณ์ได้ ซึ่งคาดว่าจะเพียงพอต่อการชำระหนี้ของบริษัทถึงแม้ว่าจะอยู่ภายใต้สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่ถดถอยลง แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable" หรือ “คงที่" สะท้อนถึงผลการดำเนินงานของบริษัทที่สม่ำเสมอและคาดการณ์ได้ รวมทั้งนโยบายการเงินของบริษัท อันดับเครดิตของบริษัทอาจปรับเพิ่มขึ้นได้หากคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดตัดสินให้การแก้ไขสัญญาสัมปทานของบริษัทยังคงมีผลผูกพัน ในทางตรงข้าม ผลกระทบในทางลบต่ออันดับเครดิตจะเกิดขึ้นหากความยืดหยุ่นทางการเงินของบริษัทปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง หรือมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญในผลของคดี บริษัททางยกระดับดอนเมืองก่อตั้งในปี 2531 เพื่อดำเนินการก่อสร้างและให้บริการทางด่วนยกระดับระยะทาง 21 กิโลเมตรเส้นทางจากดินแดงถึงอนุสรณ์สถานแห่งชาติภายใต้สัญญาสัมปทานในระบบ BTO (Build-Transfer-Operate) ซึ่งได้รับสัมปทานจากกรมทางหลวง โดยสัญญาสัมปทานได้รับการแก้ไข 3 ครั้ง การแก้ไขครั้งสุดท้ายดำเนินการเมื่อวันที่ 12 กันยายน 2550 (MOA3) ซึ่งเป็นตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 11 เมษายน 2549 และวันที่ 10 เมษายน 2550 โดยการแก้ไขสัญญาสัมปทานในครั้งสุดท้ายได้มีการแก้ไขข้อโต้แย้งทั้งหมดที่บริษัทได้เรียกร้องค่าเสียหายที่เกิดจากการกระทำของภาครัฐและได้ปรับปรุงเงื่อนไขสัญญาสัมปทานในประเด็นสำคัญ ได้แก่ การขยายอายุสัญญาสัมปทานเพิ่มจากเดิมที่จะสิ้นสุดในปี 2564 เป็นปี 2577 และการกำหนดอัตราค่าผ่านทางไว้ล่วงหน้าตามการแก้ไขสัญญาครั้งก่อน เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2558 ศาลปกครองกลางได้มีคำพิพากษาให้เพิกถอนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อปี 2549 และปี 2550 ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับการแก้ไขสัญญาสัมปทานของบริษัท ต่อมากระทรวงคมนาคมตามที่ได้รับมอบหมายจากมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 15 กันยายน 2558 และบริษัทได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุด โดยกระบวนการพิจารณาของศาลจะใช้เวลาระยะหนึ่งจนกว่าจะมีคำตัดสิน ซึ่งการที่มีทางยกระดับเป็นสินทรัพย์เพียงอย่างเดียวจะส่งผลกระทบต่อบริษัทเป็นอย่างมากหากศาลตัดสินไปในแนวทางที่ไม่เป็นคุณต่อบริษัท ดังนั้น จึงเกิดความไม่แน่นอนต่อความยืดหยุ่นทางการเงินของบริษัท แม้ว่าประมาณการกระแสเงินสดจากการดำเนินงานจากปัจจุบันจนถึงปี 2564 จะมีเพียงพอสำหรับการชำระหนี้และเป็นค่าใช้จ่ายในการลงทุนในการซ่อมบำรุงได้ อย่างไรก็ตามสภาพคล่องระยะสั้นที่จำกัดยังคงเป็นประเด็นกังวล ทั้งนี้ คณะผู้บริหารของบริษัทคาดว่าบริษัทจะได้รับการเยียวยาหรือชดเชยความเสียหายไม่ว่าในกรณีใด ๆ บริษัทยังคงมีผลการดำเนินงานที่ดีอย่างต่อเนื่อง โดยปริมาณการจราจรบนทางยกระดับของบริษัทเพิ่มขึ้น 4% ในปี 2557 และครึ่งแรกของปี 2558 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาเนื่องจากการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้โดยสารสายการบินต้นทุนต่ำและการขยายตัวของชุมชนตามการพัฒนาระบบขนส่งมวลชน รายได้ของบริษัทยังปรับตัวเพิ่มขึ้นตามการเพิ่มราคาค่าผ่านทางในเดือนธันวาคม 2557 ด้วย โดยรายได้ของบริษัทเพิ่มขึ้น 5% ในปี 2557 และปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องที่ระดับ 24% ในครึ่งแรกของปี 2558 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้อัตราการทำกำไรและเงินทุนจากการดำเนินปรับตัวดีขึ้น ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนอยู่ในระดับเฉลี่ย 50% เนื่องจากในอดีตบริษัทมีการจ่ายเงินปันผลในอัตราที่สูง ในอนาคต ประมาณการรายได้ของบริษัทจะเติบโตในระดับปานกลางจากการขยายสนามบินดอนเมืองและแนวโน้มที่ดีของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว โดยอัตรากำไรจากการดำเนินงานจะยังคงอยู่ในระดับสูงอย่างสม่ำเสมอ อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมและอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนจะปรับตัวดีขึ้นเนื่องจากบริษัทมีแผนจะชำระคืนหนี้หุ้นกู้เดิมให้หมดหรือกู้ยืมเงินเพื่อชำระหนี้เดิมในจำนวนที่น้อยลง ในขณะเดียวกัน ผู้บริหารของบริษัทมีความเห็นว่าบริษัทจะยังคงจ่ายเงินปันผลตามกระแสเงินสดที่คงเหลือ แต่จะไม่สร้างภาระหนี้ใหม่ภายหลังปี 2564 ทั้งนี้ เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากผลการตัดสินของศาล


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ