สำหรับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในระยะต่อไปให้เติบโตได้อย่างยั่งยืนนั้น รัฐบาลได้ออกมาตรการต่างๆ เพื่อช่วยเหลือประชาชนและผู้ประกอบการ ไม่ว่าจะเป็นการใส่เงินลงไปในกองทุนหมู่บ้าน การช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs การช่วยเหลือภาคเกษตร การสร้างความเข้มแข็งในระดับตำบล เป็นต้น ซึ่งแนวทางดังกล่าวนี้ถือเป็นเฟสแรกที่จะช่วยประคับประคองเศรษฐกิจไม่ให้ทรุดลงไปมากกว่านี้
จากนั้นจะเป็นการขับเคลื่อนให้เอกชนสนใจลงทุนเพิ่มขึ้น ซึ่งขณะนี้คณะทำงานของกระทรวงการคลังกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าอุตสาหกรรมใดที่เป็นอนาคตของไทย และคาดว่าจะสรุปได้ภายใน 1 เดือน โดยเบื้องต้นมองว่าอุตสาหกรรมที่สามารถเป็นอนาคตของไทยได้ คือ อุตสาหกรรมไบโอเมดิคอล, อุตสาหกรรมการผลิตและออกแบบรถยนต์ และอุตสาหกรรมการบิน และนี่ถือเป็นเฟสสองตามมา ขณะที่เฟสสาม จะเป็นการลงทุนในโครงการเมกะโปรเจ็กต์ต่างๆ ซึ่งปีหน้าจะมีเม็ดเงินลงทุนราว 1.3 แสนล้านบาท ทยอยผ่านโครงการดังกล่าว ซึ่งหากทำได้ครบกระบวนการทั้ง 3 เฟสนี้ก็เชื่อว่าจะเป็นตัวช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในระยะ 10-20 ปีต่อจากนี้ได้
เรื่องที่ 2 การปรับปรุงโครงสร้างภาษี ซึ่งล่าสุด ครม.ได้มีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอในการเก็บภาษีนิติบุคคลที่อัตรา 20% เป็นการถาวร ซึ่งจะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถแข่งขันกับประเทศอื่นได้ในช่วงที่กำลังเข้าสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC) นอกจากนี้กระทรวงการคลังกำลังศึกษาการรวมกลุ่มภาษีเพื่อให้เหลือประเภทของภาษีน้อยลง ขณะที่ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างนั้น ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการทบทวน เพื่อลดผลกระทบของบุคคลที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเมื่อพิจารณาเป็นที่เรียบร้อยแล้วคงจะนำเสนอรัฐบาลอีกครั้ง
เรื่องที่ 3 การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางการเงิน กระทรวงการคลังจะพยายามเดินหน้าให้เกิดเป็นรูปธรรมในเรื่องของ National E-Payment เปลี่ยนการใช้เงินสดให้เป็นการใช้เงินอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้นในร้านค้าต่างๆ ที่มีการจดทะเบียน โดยมีแนวคิดจะให้ใช้บัตรประชาชนเป็นบัตรเติมเงินสำหรับการชำระค่าสินค้าและบริการต่างๆ ซึ่งนอกจากจะเกิดความสะดวกแล้ว ยังสามารถแก้ปัญหาในเรื่องการเลี่ยงชำระภาษีได้ด้วย ซึ่งภายใน 1 เดือนน่าจะเห็นโครงร่างของโครงการนี้
"โครงการนี้จะทำให้การหลีกเลี่ยงภาษีมีน้อยลง เพราะทุกครั้งที่ลูกค้าจ่ายเงินก็จะหัก VAT ไปเลย ตรงนี้จะทำให้รายได้จากภาษีเพิ่มขึ้น ซึ่งเมื่อมีรายได้จากภาษีเพิ่มขึ้น ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาก็มีโอกาสปรับลดลงได้" รมว.คลัง กล่าว