"เมื่อคืนตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานของสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงและดีกว่าที่คาด ขณะที่ตัวเลข CPI ของสหรัฐฯ YoY ค่อนข้างใกล้เคียงกับที่ตลาดคาดการณ์ ทำให้ดอลลาร์รีบาวด์ แต่ Trader ยังมองว่าตอนนี้ยังเป็นฝั่งขายดอลลาร์อยู่อาจจะแค่รีบาวด์เป็นจังหวะสั้นๆ" นักบริหารเงิน กล่าว
ดังนั้นทิศทางค่าเงินบาทในช่วงเช้าอาจจะเห็นดอลลาร์แข็งค่ารีบาวด์ขึ้น และตอนนี้ยังมี Flow จากการขายดอลลาร์อยู่
นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทวันนี้ระหว่าง 35.20-35.40 บาท/ดอลลาร์
ล่าสุด SPOT อยู่ที่ระดับ 35.2000 บาท/ดอลลาร์ ส่วน THAI BAHT FIX 3M(15 ต.ค.) อยู่ที่ 1.65565% และ THAI BAHT FIX 6M(15 ต.ค.) อยู่ที่ 1.66506%
- ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 119.17/20 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้อยู่ที่ระดับ 118.43/44 เยน/ดอลลาร์
- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1368/1370 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้อยู่ที่ระดับ 1.1442/1443 ดอลลาร์/ยูโร
- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของ ธปท.อยู่ที่ระดับ 35.20 บาท/ดอลลาร์
- ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบสกุลเงินยูโรเมื่อคืนนี้ หลังจากเจ้าหน้าที่จากธนาคารกลางยุโรป (ECB) ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นว่า ECB ควรใช้เครื่องมือด้านนโยบายเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้นมากเกินคาดในสัปดาห์ที่แล้ว
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย.ลดลง 26 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 46.38 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือน พ.ย.ที่ตลาดลอนดอน ลดลง 44 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 48.71 ดอลลาร์/บาร์เรล
- สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้นมากเกินคาดในสัปดาห์ที่แล้ว
ทั้งนี้ สต็อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 7.6 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 468.6 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 2.6 ล้านบาร์เรล
- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่อ่อนแรงลง ซึ่งข้อมูลดังกล่าวทำให้นักลงทุนเชื่อมั่นว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน ธ.ค.เพิ่มขึ้น 7.7 ดอลลาร์ หรือ 0.65% ปิดที่ระดับ 1,187.50 ดอลลาร์/ออนซ์
- กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่แล้ว ลดลง 7,000 ราย สู่ระดับ 255,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือน พ.ย.1973 หรือต่ำที่สุดในรอบกว่า 40 ปี
- กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ลดลง 0.2% ในเดือน ก.ย. เมื่อเทียบรายเดือน โดยได้รับผลกระทบจากการดิ่งลงของราคาน้ำมัน และเมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI ทรงตัวในเดือน ก.ย.
- ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ครายงานวันนี้ว่า ดัชนีภาวะธุรกิจโดยรวม (Empire State Index) อยู่ในภาวะหดตัวเป็นเดือนที่ 3 ในเดือน ต.ค. ถึงแม้ดัชนีปรับตัวขึ้นสู่ระดับ -11.4 จาก -14.7 ในเดือน ก.ย.
- นายแจ็ค ลูว์ รมว.คลังสหรัฐ กล่าวเตือนในวันนี้ว่า มาตรการบริหารเงินฉุกเฉินของรัฐบาลสหรัฐจะหมดอายุลงในวันที่ 3 พ.ย. ซึ่งจะทำให้รัฐบาลเสี่ยงที่จะขาดแคลนงบประมาณในการบริหารประเทศ หากสภาคองเกรสไม่อนุมัติการเพิ่มเพดานการก่อหนี้ของรัฐบาลจากระดับ 18.1 ล้านล้านดอลลาร์ในปัจจุบัน