นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง กล่าวภายหลังหารือร่วมกับ 3 สมาคมอสังหาริมทรัพย์ ได้แก่ สมาคมอาคารชุดไทย สมาคมธุรกิจสร้างบ้าน และสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย และผู้ประกอบการในภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยมีนายสมคิด จาติศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม ว่า รัฐบาลอยากขอความร่วมมือจากภาคเอกชนในการจัดทำโครงการสร้างที่อยู่อาศัยเพื่อคนรายได้น้อย ทหาร ตำรวจ ข้าราชการและประชาชนทั่วไป ซึ่งเป็นการดำเนินการในลักษณะทำประโยชน์เพื่อสังคม(CSR)
"แนวคิดเบื้องต้นคือ ผู้ประกอบการในภาคอสังหาริมทรัพย์อาจรวมตัวกันจัดทำเป็นธุรกิจเพื่อสังคม(Social Interprise) ถือหุ้นโดยผู้ประกอบการ และดำเนินการสร้างที่อยู่อาศัยเพื่อคนมีรายได้น้อย โดยไม่มีการเอากำไร หรือถ้ามีเงินเหลือหรือมีกำไรจากโครงการที่ดำเนินการในช่วงแรกก็ให้นำมาใช้ลงทุนในโครงการต่อๆ ไป" นายอภิศักดิ์ กล่าว
รมว.คลัง กล่าวว่า เบื้องต้นจะให้ใช้ที่ราชพัสดุของกรมธนารักษ์ หรือที่ดินของ ร.ฟ.ท.ดำเนินการโครงการดังกล่าว โดยหลักการคือต้องเป็นพื้นที่ชุมชนและสามารถเดินทางสะดวกด้วย ซึ่งจะเป็นการสร้างที่อยู่อาศัยราคาถูก ไม่เกินหลังละ 5-6 แสนบาท เพื่อสนับสนุนให้ผู้มีรายได้น้อย โดยมีรายได้รวมกว่า 1 หมื่นบาทสามารถเป็นเจ้าของได้ โดยจะเป็นการเช่าระยะยาว ซึ่งขณะนี้กรมธนารักษ์อยู่ระหว่างการแก้ไขกฎหมายการสิทธิการเช่าจาก 30 ปี เป็น 99 ปี
หลังจากนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนจะต้องมีการหารือร่วมกันอีกครั้ง เพื่อสรุปแนวทางที่จะดำเนินการเพื่อให้ได้ข้อสรุปภายใน 1 เดือน และนำเสนอให้ที่ประชุม ครม.พิจารณาต่อไป
ด้านนายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต นายกสมาคมอาคารชุดไทย เปิดเผยว่า มาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาลที่ออกมานั้นจะทำให้ภาคอสังหาริมทรัพย์เติบโตดีขึ้นในช่วงที่เหลือของปีนี้ โดยคาดการณ์ว่าภาคอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้จะขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็น 13% จากเดิมที่ 5% โดยมูลค่าการขายในพื้นที่ กทม.เพิ่มเป็น 3.3 แสนล้านบาท จากเดิมที่ 3.1 แสนล้านบาท และในปี 2559 คาดว่าภาคอสังหาริมทรัพย์จะขยายตัวได้ที่ 5-10% จากเดิมที่ 0-5%
ขณะที่นายพรนริศ ชวนไชยสิทธิ์ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย ยอมรับว่า แนวคิดในการสร้างบ้านเพื่อคนรายได้น้อยของรัฐบาลเป็นเรื่องที่ดีและเป็นประโยชน์ต่อสังคม ซึ่งผู้ประกอบการพร้อมจะรวมตัวกันเพื่อดำเนินการตามโครงการดังกล่าว