ประเด็นหลักคือ การลดค่าใช้จ่ายเป้าตั้งไว้ 10% หรือประมาณ 10,000 ล้านบาท แต่ทำได้ประมาณ 2,000 กว่าล้านบาทเท่านั้น เรื่องนี้ต้องเร่งปรับ ซึ่งทางบอร์ดและทีมบริหารน่าจะทราบปัญหา ส่วนรายได้ พบว่า Ratio การดำเนินงานต่ำกว่าเดิมเล็กน้อย ขณะที่งานบางอย่างดีขึ้น เช่น การขนส่งสินค้า (Cargo) พลิกจากขาดทุนมาเป็นกำไร ถือว่าทำได้ดีหากมีทีมที่ช่วยกันน่าจะมีโอกาส เพราะการบินไทยยังมีศักยภาพอยู่
ด้านนายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ THAI เปิดเผยว่า แผนปฎิรูปคืบหน้าระดับหนึ่ง แต่การเพิ่มรายได้ฝ่ายพาณิชย์ยังทำไม่ได้ตามเป้า ส่วนการลดต้นทุนก็ยังทำได้ช้าเช่นกัน ซึ่งจากนี้จะเน้นใน 2 เรื่องนี้เป็นหลัก คือ เพิ่มรายได้และลดรายจ่ายให้ได้ตามเป้า การบริหารจัดการต้องเข้มข้นขึ้นทุกระดับ ทีมใหญ่จะมาเจาะที่ 2 เรื่องนี้ ตามแผนปฎิรูปกำหนดระยะเวลาไว้ 18 เดือน ต่อจากนี้จะเร่งให้มากขึ้น การทำงานทุกเดือนต้องเร็วและได้ผลซึ่งยังพอมีเวลา
โดยการเพิ่มรายได้จะมีการปรับปรุงโดยขยายรายได้จากส่วนที่ไม่เคยขายมาก่อน เช่น ขาย Network คือ ขายผ่านประเทศไทย ขายลูกค้าที่ไม่ได้มีปลายทางของเดินทางที่ประเทศไทย ซึ่งจากการประเมินหากทำได้สามารถจะเพิ่มยอดขายอีกหลายเปอร์เซ็นต์ ดังนั้นฝ่ายพาณิชย์ทั่วโลกจะต้องมองการขายในหลายรูปแบบให้มากขึ้นไม่ใช่มองเฉพาะจุดที่ตัวเองอยู่เท่านั้น
"ตามแผนปฎิรูป มี 6 กลยุทธ์ 21 แผน ซึ่งหลายแผนเช่น การปรับโครงสร้าง ขายเครื่องบิน ลดเที่ยวบินเดินหน้าไปแล้วและ เริ่มเป็นรูปธรรม แต่เรื่องรายได้ยังไม่เพิ่ม รายจ่ายยังไม่ลด ตอนนี้ต้องมาโฟกัสแบบเจาะเฉพาะ ทุกส่วนมีเป้าหมายในการปรับปรุงอยู่แล้ว เพียงแต่ยังทำไม่ได้ตามเป้า ยังเฉื่อยอยู่ กลายเป็นบางเรื่องช่วงเริ่มต้นใช้เวลานานไป จาก 3 เดือนก็เป็น 6 เดือน 7 เดือน เลยช้า ซึ่งก็ต้องเข้าใจว่า การบินไทยเป็นบริษัทใหญ่ ทุกคนรู้ว่าจะปรับอย่างไร แต่การขยับอุ้ยอ้ายไปหน่อน ปัญหาคือ คนการบินไทยไม่เคยทำอะไรมากๆและใหญ่ขนาดนี้มาก่อน ดังนั้นจะไปว่าเค้าก็ไม่ได้ ซึ่งจะไม่มีการปรับเปลี่ยนโยกย้ายอะไร แต่จะเข้มข้นการทำงานมากขึ้นวันนี้การบินไทยยังเหมือนเดิเดือนมกราคมเป็นอย่างไรตอนนี้ก็ยังเป็นแบบนั้น" นายจรัมพร กล่าว
สำหรับในปี 59 เป็นช่วงฤดูท่องเที่ยว (High Season) ซึ่งยอดจองตั๋วล่วงหน้าดีอยู่ ขณะที่ราคาน้ำมันจะเริ่มส่งผลต่อผลประกอบการมากขึ้น เพราะต้นทุนลดลง ถือว่า "Not a bad new"