สินทรัพย์รวม 887,640 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.59% เงินฝากรวม 713,585 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.38% นอกจากนี้ ธนาคารยังสามารถบริหารจัดการหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ลดลงเหลือ 45,469 ล้านบาท หรือคิดเป็น 5.43% ของยอดสินเชื่อรวม ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มี NPL อยู่ที่ 5.99% มีกำไรสุทธิ 6,979 ล้านบาท ขณะที่อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) อยู่ในระดับแข็งแกร่งมากที่ 16.06% ซึ่งสูงกว่าอัตราเงินกองทุนขั้นต่ำ 8.50% ที่กำหนดโดยธนาคารแห่งประเทศไทย
นางอังคณา กล่าวว่า ล่าสุด ธอส. ยังมีบทบาทในการสนับสนุนนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจตามนโยบายรัฐบาลด้วยการจัดทำ "มาตรการเพื่อส่งเสริมการให้สินเชื่อที่อยู่อาศัยแก่ผู้มีรายได้น้อยและปานกลาง" โดยให้กู้สำหรับผู้ที่มีรายได้สุทธิไม่เกิน 30,000 บาท/เดือน หรือวงเงินกู้ไม่เกิน 3 ล้านบาท ในกรอบวงเงินสินเชื่อรวม 10,000 ล้านบาท ซึ่งธนาคารใช้เงื่อนไขผ่อนปรนในการพิจารณาสัดส่วนความสามารถชำระหนี้ต่อรายได้สุทธิต่อเดือน ซึ่งถือว่ามาตรการดังกล่าวประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี
โดยนับตั้งแต่เริ่มเปิดรับคำขอยื่นกู้ตั้งแต่วันที่ 19 ตุลาคม 2558 ล่าสุดถึงวันที่ 26 ตุลาคม 2558 มีจำนวนลูกค้ายื่นคำขอกู้แล้ว 6,900 ราย เป็นจำนวนเงินขอกู้ 8,500 ล้านบาท ซึ่งหลังจากนี้หากมีลูกค้าประชาชนยื่นคำขอกู้ตามกรอบวงเงินรวม 10,000 ล้านบาทแล้ว ธอส.ยังเปิดรับคำขอกู้ต่อไปได้ จนกว่าจะมีการทำนิติกรรมสัญญาเงินกู้กับ ธอส.จนครบกรอบวงเงิน และหากยังมีความต้องการสูงกว่ากรอบวงเงินของมาตรการ ธอส.ก็พร้อมพิจารณาขยายวงเงินเพิ่มเติมต่อไป
"การขยายสินเชื่อบ้านตามนโยบายของรัฐบาลนั้น คงต้องรอการประเมินจากที่ประชุมคณะกรรมการของธนาคารฯ ก่อน แต่เราก็มีเป้าหมายอยู่แล้วในใจ ซึ่งคงจะอยู่ในระดับใกล้เคียงกับของเดิมที่ตั้งวงเงินไว้ 10,000 ล้านบาท" นางอังคณา กล่าว
ส่วนกรณีที่ธนาคารออมสิน จัดทำ"โครงการสินเชื่อบ้านออมสินเพื่อประชาชน" สำหรับผู้มีรายได้น้อยจนถึงระดับปานกลาง วงเงินจำนวน 10,000 ล้านบาท เงื่อนไขผ่อนปรนเหมือนกับ ธอส.นั้น นางอังคณา กล่าวว่า ไม่ได้มีผลกระทบกับการโครงการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยของ ธอส.แต่อย่างใด ซึ่งขณะนี้ยังมีประชาชนทยอยแจ้งความจำนงค์ในการยื่นขอสินเชื่อจากธนาคารอย่างต่อเนื่อง
"การที่ภาครัฐมอบหมายให้ ธอส.เป็นผู้นำในการจัดทำมาตรการดังกล่าวเพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ส่งผลให้ธุรกิจภาคอสังหาริมทรัพย์กลับมาคึกคัก สถาบันการเงินต่างเล็งเห็นความสำคัญด้านการให้บริการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยอัตราดอกเบี้ยต่ำ ซึ่งประชาชนจะเป็นผู้ที่ได้รับประโยชน์สูงสุด นับเป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่สามารถคืนความสุขให้คนไทยได้มีบ้านอย่างแท้จริง" นางอังคณากล่าว
กรรมการผู้จัดการ ธอส. ยังเปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของธนาคารในระยะเวลา 2 ปี 6 เดือน (เม.ย.56 - ก.ย.58) ในระหว่างที่ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ ธอส.ว่า จากการให้ความสำคัญกับการยกระดับมาตรฐานการให้บริการที่ดีทั่วทั้งองค์กรอย่างต่อเนื่อง ภายใต้แนวคิด ธอส.บริการด้วยหัวใจ เพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้าประชาชน โดยมุ่งลดความเหลื่อมล้ำควบคู่ไปกับการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์ตามนโยบายรัฐบาล ส่งผลให้ผลการดำเนินงานในรอบ 2 ปี 6 เดือนที่ผ่านมา ธอส.เติบโตอย่างต่อเนื่องตามเป้าหมายและดีขึ้นในทุกด้าน
ทั้งการปล่อยสินเชื่อใหม่สะสมได้ทั้งสิ้น 350,116 ล้านบาท มีกำไรสุทธิสะสมทั้งสิ้น 21,679 ล้านบาท สินเชื่อคงค้างเพิ่มขึ้น 124,426 ล้านบาท เงินฝากเพิ่มขึ้น 128,880 ล้านบาท สินทรัพย์รวมเพิ่มขึ้น 134,683 ล้านบาท ขณะเดียวกันยังสามารถบริหารจัดการหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ NPL ให้ลดลงได้อย่างต่อเนื่องถึง 10,186 ล้านบาท หรือคิดเป็น 5.43% ของยอดสินเชื่อรวม