ในส่วนของคณะกรรมการด้านความมั่นคงอาหารตลอดห่วงโซ่นั้น ในปีนี้ สศก. ได้มีการจัดประชุมครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2558 ที่ผ่านมา มีผู้เข้าร่วมการประชุมทั้งจากหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และผู้ทรงคุณวุฒิในด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งสาระสำคัญในการประชุมครั้งนี้ คือ การนำเสนอข้อเสนอเชิงนโยบายที่สำคัญในการขับเคลื่อนด้านความมั่นคงด้านอาหาร 3 นโยบายหลัก ได้แก่ 1. นโยบาย Zoning ภาคเกษตร นำเสนอผลการดำเนินโครงการนำร่องการบูรณาการข้อมูล เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ประโยชน์ที่ดินด้านการเกษตร (ระบบ What 2 Grow ของ สวทช.) ในจังหวัดกำแพงเพชร เน้นการปรับเปลี่ยนการปลูกข้าวในพื้นที่ที่ไม่เหมาะสม โดยมีปัจจัยในการพิจารณา คือ ผลกำไร/ขาดทุน ที่ดินที่เหมาะสม แหล่งน้ำ ให้ปรับเปลี่ยนไปปลูกพืชทดแทน 5 ชนิด ได้แก่ ข้าวโพด ถั่วเหลือง ปาล์มน้ำมัน มันสำปะหลัง และอ้อย และในปี 2559 จะขยายโครงการระยะที่ 2 ในอีก 16 จังหวัด
2. นโยบาย Smart Farmer/Smart Officer นำเสนอโครงการพัฒนาเกษตรกรและเจ้าหน้าที่เกษตรปราดเปรื่อง ที่ได้ดำเนินการตั้งแต่ ปี 2555 มีเป้าหมายสำคัญในการพัฒนาให้ “เกษตรกรไทยเป็น Smart Farmer โดยมี Smart Officer เป็นเพื่อนคู่คิด" ซึ่งแนวคิด คือ เกษตรกรไทยต้องมีความรู้ในเรื่องการเกษตรที่ทำอยู่ สามารถประมวลข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการทำการเกษตร โดยตระหนักถึงคุณภาพสินค้าและความปลอดภัยของผู้บริโภค ทำการเกษตรอย่างมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม และภาคภูมิใจในความเป็นเกษตรกรไทย โดยมีโครงการนำร่องในจังหวัดนครนายกและฉะเชิงเทรา มีการจัดตั้งเกษตรกรต้นแบบ มีการปรับปรุงแผนพัฒนาจังหวัด และระบบการขนส่งสินค้าเกษตร
และ 3. นโยบาย Precision Farming เกษตรกรรมความแม่นยำสูง เป็นกลยุทธ์ในการทำการเกษตรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยเกษตรกรสามารถจะปรับการใช้ทรัพยากร ให้สอดคล้องกับสภาพของพื้นที่ย่อยๆ รวมไปถึงการดูแลอย่างมีประสิทธิภาพและแม่นยำ โดยต้องมีพื้นฐานที่สำคัญ 3 ด้าน คือ ด้านสารสนเทศ ด้านเทคโนโลยี และด้านการบริหารจัดการ โดยตั้งอยู่บนแนวคิดที่ว่า พืชพันธุ์ที่ปลูกและสภาพล้อมรอบ (ดิน น้ำ แสง อากาศ) ในไร่นามีความแตกต่างกันในแต่ละบริเวณหรือพื้นที่ย่อยๆ และถึงแม้จะอยู่ในไร่เดียวกันก็ตาม แต่สภาพล้อมรอบที่แตกต่างกันนั้น มีผลผลิตแตกต่างกันได้ ดังนั้น จึงต้องดูแลพื้นที่เหล่านั้นแตกต่างกัน เพื่อสร้างผลผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด
ทั้งนี้ ผลจากการประชุมดังกล่าว สศก. ในฐานะฝ่ายเลขานุการ จะนำข้อเสนอแนะ และข้อคิดเห็นไปประมวลผล เพื่อจัดทำเป็นข้อเสนอเชิงนโยบาย ต่อคณะกรรมการอาหารแห่งชาติต่อไป