สำหรับประเทศไทยนั้น หลายฝ่ายต่างคาดการณ์ไว้แล้วว่า FED จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ระดับนี้ และเชื่อว่าจะสามารถรองรับกับความผันผวนของเงินทุนไหลเข้า-ออกได้ ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) และกระทรวงการคลังพร้อมมีเครื่องมือในการดูแลได้อย่างมีประสิทธิภาพแน่นอน
ปลัดกระทรวงการคลัง ยังกล่าวถึงกรณีที่ ธปท.มีแนวโน้มจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 59 จากระดับปัจจุบันที่ 1.5% ว่า มีความเป็นไปได้ หากภาวะเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวดีขึ้น โดยคาดว่าเศรษฐกิจไทยจะเริ่มฟื้นตัวได้ในไตรมาส 4/58 และจะเริ่มขยายตัวได้อย่างชัดเจนในช่วงไตรมาส 1/59 จากการใช้นโยบายงบประมาณขาดดุล ทั้งนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ การลงทุนโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ที่จะช่วยให้การบริโภคในประเทศปรับตัวดีขึ้น นอกจากนี้ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกยังเป็นตัวช่วยให้การส่งออก ปรับตัวดีขึ้น และสินค้าโภคภัณฑ์ราคามีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นด้วย
นายสมชัย กล่าวถึงการจัดอันดับความยากง่ายในการดำเนินธุรกิจ หรือ Doing Business ของธนาคารโลกที่ไทยถูกปรับลดอันดับมาอยู่ที่ 49 จากปีก่อนที่อยู่ลำดับ 46 ว่า การปรับลดดังกล่าวเกิดจากการปรับเปลี่ยนระบบในการคำนวณ และหลังจากที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เข้ามาทำงานนั้น ได้มีการตั้งคณะทำงานเพื่อดูแลเรื่องดังกล่าว โดยเฉพาะความพยายามในการแก้ไขปัญหาที่เป็นอุปสรรค เช่น การขอใบอนุญาตในการจัดตั้งโรงงาน และใบอนุญาตสิ่งแวดล้อมที่มีความยุ่งยาก และการเสียภาษีซ้ำซ้อน ซึ่งหากการแก้ปัญหาดังกล่าวเป็นไปตามแผนก็เชื่อว่าการประเมินรอบหน้าอันดับของไทยจะปรับตัวดีขึ้น
ทั้งนี้ ในวันที่ 9 พ.ย.นี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะเชิญรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจทั้งหมดเข้าพบ เพื่อหารือกันในเรื่องดังกล่าวและการหาแนวทางแก้ไขร่วมกัน ขณะเดียวกัน ยืนยันว่าการปรับลดอันดับของไทยลงในครั้งนี้ จะไม่ส่งผลต่อความเขื่อมั่นของนักลงทุนอย่างมีนัยสำคัญ
นายสมชัย กล่าวในงาน 2015 OECD -ASian Roundtable on Corporate Governance ถึงการมีธรรมภิบาลว่า เป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับภาครัฐและเอกชน เพื่อให้ไทยเป็นประเทศที่นักลงทุนเชื่อมั่นเข้ามาลงทุน ซึ่งที่ผ่านมาไทยมีการพัฒนาสิ่งเหล่านี้มาโดยตลอด จึงเน้นใหับริษัทต่างๆ เปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะให้เกิดความโปร่งใส เช่น โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน พร้อมกันนี้ที่ผ่านมาไทยได้ปรับเปลี่ยน แก้ไข ปรับปรุงกฎหมาย และกฎระเบียบต่างๆ เพื่อสนับสนุนบรรษัทภิบาล ทำให้การบริหารจัดการความไม่โปร่งใสมากขึ้น