ทั้งนี้ ในช่วงไตรมาส 3 และ 4 ของปีนี้ ประเมินว่าอัตราการขยายตัวของเงินออมของประเทศจะปรับตัวดีขึ้น จากไตรมาสแรกของปี 58 มีเงินออมอยู่ที่ 1.16 ล้านล้านบาท และไตรมาส 2 อัตราการออมปรับตัวลดลง 26% โดยมีเงินออมอยู่ที่ 7.6 แสนล้านบาท
นายชาติชาย กล่าวถึงภาพรวมผลการดำเนินงานของธนาคารออมสินในปีนี้ คาดว่าสินเชื่อและเงินฝากจะขยายตัวได้ที่ 4% สอดคล้องกับอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ(GDP) ในปีนี้ที่คาดว่าจะขยายตัวได้ราว 2.7% โดยการปล่อยสินเชื่อของธนาคารในไตรมาสแรก ขยายตัว 4.6% และไตรมาส 2 อยู่ที่ 4.3% ขณะที่ปี 59 เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยจะปรับตัวดีขึ้น โดย GDP น่าจะเติบโตที่ระดับ 3-4% ซึ่งจะส่งผลทำให้การขยายตัวของสินเชื่อและเงินฝากของธนาคารขยายตัวอยู่ที่ระดับ 4-6%
"ยังมีปัจจัยที่ต้องติดตาม คือ สถานการณ์หนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง 85-86% ของ GDP ซึ่งอาจจะมีผลทำให้ธนาคารต้องเพิ่มความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น" นายชาติชาย กล่าว
สำหรับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 2% โดยภายในสิ้นปีนี้ธนาคารจะมีการบริหารจัดการให้ลดลงมาอยู่ที่ 1.6-1.7% ส่วนการตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญนั้น ในขณะนี้ยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องตั้งสำรองเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมาได้มีการตั้งสำรองสำหรับการปล่อยสินเชื่อในแต่ละประเภทไว้เรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ดี จะต้องติดตามดูผลประกอบการในช่วงสิ้นปีอีกครั้ง