สำหรับ 4 โครงการดังกล่าวประกอบไปด้วย โครงการขยายระยะเวลาชำระหนี้สินเดิมลูกค้า ธ.ก.ส. โดยธนาคารจะพิจารณาขยายระยะเวลาชำระหนี้เดิมให้แก่เกษตรกร ออกไปเป็นระยะเวลาไม่เกิน 24 เดือน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้เกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้งที่กำลังจะมาถึง และสำหรับลูกค้า ธ.ก.ส.ที่อยู่ในพื้นที่วิกฤตภัยแล้งในลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา 22 จังหวัด ที่มีหนี้เงินกู้เดิมรวมกันไม่เกิน 500,000 บาท จะได้รับการลดดอกเบี้ยให้ร้อยละ 3 ต่อปี โดยรัฐบาลชดเชยดอกเบี้ยแทนเกษตรกร 1.5% ต่อปี และ ธ.ก.ส.รับภาระดอกเบี้ยแทนเกษตรกร 1.5% ต่อปี
โครงการสินเชื่อเพื่อปรับปรุงระบบการผลิตด้านการเกษตรเพื่อพัฒนาระบบน้ำ หรือเพื่อปรับเปลี่ยนการผลิตหรือประกอบอาชีพเสริมด้านการเกษตรวงเงินให้สินเชื่อรวม 10,000 ล้านบาท วงเงินกู้รายละไม่เกิน 100,000 บาท ระยะเวลาชำระหนี้ไม่เกิน 10 ปี กรณีพิเศษไม่เกิน 12 ปี โดยปลอดชำระต้นเงินไม่เกิน 3 ปีแรก คิดดอกเบี้ยในอัตรา MRR - 2 ต่อปี (ปัจจุบัน MRR เท่ากับ 7 %ต่อปี) หรือเท่ากับ 5% ต่อปี
โครงการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อสร้างงานในชุมชนวงเงินให้สินเชื่อรวม 2,500 ล้านบาท วงเงินกู้รายละไม่เกิน 50,000 บาท คิดดอกเบี้ยในอัตรา MRR - 2 (ปัจจุบัน MRR เท่ากับ 7% ต่อปี) หรือเท่ากับร้อยละ 5 ต่อปี ระยะเวลาชำระหนี้ไม่เกิน 5 ปี โดยใช้ทางเลือกอาชีพเสริมของกระทรวงแรงงาน และโครงการสินเชื่อสนับสนุนเศรษฐกิจชุมชนวงเงินให้สินเชื่อรวม 2,500 ล้านบาท กลุ่มเป้าหมายวิสาหกิจชุมชน 3,000 แห่ง สนับสนุนวิสาหกิจชุมชนกลุ่มละไม่เกิน 1 ล้านบาท คิดดอกเบี้ยในอัตรา 4% ต่อปี เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนให้วิสาหกิจชุมชนระยะเวลาชำระหนี้ไม่เกิน 12 เดือน และหากเป็นการลงทุนมีระยะเวลาชำระหนี้ไม่เกิน 5 ปี
“ธ.ก.ส.ได้เตรียมมาตรการดังกล่าว เพื่อดูแลผลกระทบจากภัยแล้งให้กับพี่น้องเกษตรกร จึงขอให้พี่น้องเกษตรกรคลายความวิตกกังวล และหากมีปัญหาขอให้พูดคุยปรึกษากับพนักงานของธนาคารที่สาขาได้ทันที" นายลักษณ์กล่าว