นายจาตุรงค์ จันทรังษ์ เลขานุการ กนง. กล่าวว่า ประเด็นที่ กนง. ให้ความสำคัญในการตัดสินนโยบาย คือ เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 3/58 ฟื้นตัวอย่างช้าๆ ใกล้เคียงกับที่เคยประเมินไว้ในการประชุมครั้งก่อน โดยอุปสงค์ในประเทศปรับดีขึ้นเล็กน้อยตามการใช้จ่ายในหมวดสินค้าไม่คงทนและการลงทุนของบางสาขาธุรกิจ ขณะที่การใช้จ่ายของภาครัฐเพิ่มขึ้น และคาดว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลจะช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจได้ส่วนหนึ่ง
แต่ขณะเดียวกันปัจจัยลบจากต่างประเทศมีมากขึ้น โดยเฉพาะการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนและเอเชีย ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญต่อการฟื้นตัวของภาคการส่งออกไทยและความเชื่อมั่นของนักลงทุน
ด้านแรงกดดันเงินเฟ้อทรงตัวจากการประชุมครั้งก่อน อัตราเงินเฟ้อทั่วไปติดลบต่อเนื่องตามราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับลดลงมากเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว แต่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีแนวโน้มที่จะทยอยปรับสูงขึ้นและคาดว่าจะกลับมาเป็นบวกในช่วงไตรมาสที่ 1 ของปีหน้า ขณะที่ความเสี่ยงของภาวะเงินฝืดมีจำกัด เนื่องจากอุปสงค์ยังขยายตัว และอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานยังเป็นบวก สอดคล้องกับการคาดการณ์เงินเฟ้อในระยะปานกลางของสาธารณชน
คณะกรรมการฯ ประเมินว่า ภาวะการเงินและอัตราแลกเปลี่ยนยังเอื้อต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ แม้ว่าเศรษฐกิจไทยยังคงเผชิญกับปัจจัยเสี่ยงโดยเฉพาะจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ข้อจำกัดเชิงโครงสร้าง และภาวะตลาดการเงินโลกที่มีความไม่แน่นอนสูง คณะกรรมการฯ จึงเห็นควรให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมครั้งนี้