ทั้งนี้ กนง. มองเศรษฐกิจในประเทศดีขึ้นกว่าการประชุมครั้งก่อน ในการประชุมครั้งนี้ กนง. กล่าวว่าเศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างช้าๆ โดยการใช้จ่ายในประเทศปรับดีขึ้นเล็กน้อยตามการใช้จ่ายในหมวดสินค้าไม่คงทนและการลงทุนของบางสาขาธุรกิจ ซึ่งแตกต่างจากการประชุมวันที่ 16 ก.ย.ที่ กนง. แสดงความกังวลด้านรายได้ครัวเรือนและความเชื่อมั่นภาคเอกชน นอกจากนี้ ในการประชุมครั้งนี้ กนง. คาดว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐจะช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจได้ส่วนหนึ่ง อย่างไรก็ตาม กนง. มองว่าความเสี่ยงจากต่างประเทศมีมากขึ้นกว่าการประชุมครั้งก่อน โดยเฉพาะจากเศรษฐกิจจีนและเอเชีย
ขณะที่การคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อของ กนง. ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง เช่นเดียวกับการประชุมครั้งก่อน กนง. คาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะกลับมาเป็นบวกได้ในไตรมาสแรกของปีหน้า และยังประเมินว่าความเสี่ยงด้านภาวะเงินฝืดมีจำกัด ทั้งนี้ SCB EIC คาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยในปี 59 จะอยู่ที่ระดับ 1.3% ซึ่งกลับเข้าสู่เป้าหมายของธนาคารแห่งประเทศไทยที่ 2.5 บวกลบ1.5% ดังนั้นอัตราเงินเฟ้อที่ติดลบในปัจจุบัน จึงไม่ใช่ปัจจัยที่ส่งผลให้ กนง. ต้องพิจารณาลดอัตราดอกเบี้ยลงในการประชุมครั้งนี้
นอกจากนี้ ภาวะตลาดการเงินโลกเป็นสิ่งที่ต้องจับตามอง โดยความไม่แน่นอนยังมีในหลายด้าน ทั้งจังหวะในการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ การผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติมของยูโรโซน และการดำเนินนโยบายทางการเงินของจีน ซึ่งปัจจัยเหล่านี้จะส่งผลต่อตลาดเงินและทำให้ค่าเงินบาทมีความผันผวนมากยิ่งขึ้น