นอกจากนี้ การลงทุนภาครัฐมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากโครงการใหม่ๆ โดยเฉพาะการส่งเสริมการลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษตามแนวชายแดนไทยและประเทศเพื่อนบ้าน การกระตุ้นการลงทุนและการบริโภคภายในประเทศ รวมถึงการส่งเสริมเศรษฐกิจท้องถิ่นด้วยการเริ่มดำเนินการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน
สำหรับในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ได้ดำเนินการปรับปรุงกฎหมายและกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวกับการค้าการลงทุน อาทิ การลดขั้นตอนและอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ การพัฒนากฎหมายและส่งเสริมทรัพย์สินทางปัญญา และการทบทวนกฎหมายการแข่งขันทางการค้าโดยเน้นดำเนินการในแนวทางที่เป็นสากลและการค้ายุคใหม่ เพื่อให้เกิดการขยายตัวทางการค้าการลงทุนเพิ่มมากขึ้น
ในโอกาสนี้ เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นได้นำเสนอนโยบายของญี่ปุ่นที่ต้องการเน้นผลักดันประเด็นเศรษฐกิจ 4 เรื่อง ได้แก่ 1) การเพิ่มมูลค่าของอุตสาหกรรม 2) การสนับสนุนการวิจัยและพัฒนา และการพัฒนาบุคลากร 3) การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่มีศักยภาพสูง และ 4) การปรับปรุงสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ ซึ่ง รมว.พาณิชย์ ยินดีที่จะสนับสนุนแนวคิดของเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นอย่างเต็มที่ เนื่องจากนโยบายเหล่านี้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลไทย
นอกจากนั้น ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะร่วมมือด้านการจับคู่ทางธุรกิจระหว่าง SMEs ของไทยและญี่ปุ่น โดยรัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน และการสร้างความเข้มแข็งให้กับ SMEs ไทย ซึ่งมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ
รมว.พาณิชย์ กล่าวด้วยว่า ทั้งสองฝ่ายได้หารือเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเยือนญี่ปุ่นของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ ระหว่างวันที่ 25-28 พ.ย.58 ซึ่งจะมีการจัดการประชุม High Level Joint Commission (HLJC) และการหารือกับผู้บริหารในรัฐบาลและนักธุรกิจรายสำคัญของญี่ปุ่น ซึ่งจะเป็นก้าวสำคัญในการกระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างไทย-ญี่ปุ่นให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ ญี่ปุ่นเป็นประเทศคู่ค้าและนักลงทุนสำคัญของไทยมาโดยตลอด และมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของไทย โดยมีความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดไทย-ญี่ปุ่น (Japan Thailand Economic Partnership Agreement: JTEPA) เป็นกลไกขับเคลื่อนการค้าและการลงทุนระหว่างสองประเทศ โดยในปี 2557 มูลค่าการค้ารวมระหว่างไทยและญี่ปุ่น มีมูลค่า 57,531 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงจากปี 2556 ที่มีมูลค่า 63,317 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 9.14
โดยซึ่งในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (2553-2557) มีมูลค่าการค้าเฉลี่ยปีละ 63,632.98 ล้านเหรียญสหรัฐ ทั้งนี้ มูลค่าการค้าในปี 2558 (ม.ค.-ส.ค.) มีมูลค่าการค้ารวม 34,857 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2557 ร้อยละ 8.52