"นิวัฒน์ธำรง" เผยจำนำข้าวผ่านการประเมินความคุ้มค่า ยันช่วยเพิ่มรายได้ชาวนา-เงินหมุนเวียนในระบบ

ข่าวเศรษฐกิจ Monday November 9, 2015 16:25 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังให้ข้อมูลต่อคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด กรณีน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดฐานปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวจนเกิดความเสียหายว่า อดีตนายกรัฐมนตรีไม่ได้ละเลยจนทำให้เกิดความเสียหายในโครงการรับจำนำข้าว แต่โครงการนี้ดำเนินการเพื่อประโยชน์สาธารณะ ซึ่งไม่ได้คำนึงถึงผลกำไรหรือขาดทุนมากไปกว่าผลประโยชน์โดยรวมที่จะเกิดขึ้นกับประเทศ

นอกจากนี้ ก่อนดำเนินโครงการได้ประเมินความคุ้มค่าของโครงการ โดยสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และสำนักงบประมาณแล้ว ตามพ.ร.ฎ.ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ.2546 ที่ระบุว่าโครงการสาธารณะทำเพื่อประโยชน์ของประชาชนและการลงทุน ต้องมีการประเมินความคุ้มค่าโดยพิจารณาผลประโยชน์ของภาพรวมเป็นหลัก

"แม้โครงการรับจำนำข้าวเป็นนโยบายของรัฐบาลที่ได้แถลงต่อรัฐสภา และต้องนำมาปฏิบัติจริง แต่ก่อนที่รัฐบาลจะดำเนินโครงการ ได้ประเมินความคุ้มค่าของโครงการโดย สศช. และสำนักงบประมาณแล้ว ซึ่งได้รับการสนับสนุนมาตลอด ไม่มีการทักท้วง หรือท้วงติงใดๆ และแม้หากทั้ง 2 หน่วยงานท้วงติงถึงความไม่คุ้มค่า รัฐบาลก็ต้องรับฟังตามกฎหมายอยู่แล้ว" นายนิวัฒน์ธำรง กล่าว

พร้อมระบุว่า หากประเมินเป็นตัวเลขความคุ้มค่าของโครงการในภาพรวม พบว่าโครงการรับจำนำข้าวทำให้เกษตรกรขายข้าวได้ราคาดีขึ้นจากตันละ 7,000 บาท เป็นตันละ 10,000 กว่าบาท หรือทำให้มีชาวนามีรายได้เพิ่มขึ้นในภาพรวมประมาณปีละ 140,000 ล้านบาท ในช่วงระยะเวลา 3 ปีของโครงการรับจำนำข้าว และมีการนำเงินมาใช้จ่ายซื้อสินค้า ทำให้เงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นอีก 2-7% หรือเพิ่มขึ้นปีละ 3.5 - 7 แสนล้านบาท โดยทุกๆ 1% ของ GDP ที่เพิ่มขึ้นหมายถึงมีเงินเพิ่มขึ้น 1.2 แสนล้านบาท ซึ่งหาก GDP เพิ่ม 3% จะเท่ากับมีเงินเพิ่มขึ้น 3.6 แสนล้านบาท

นอกจากนี้ กระทรวงการคลังยังสามารถเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ภาษีเงินได้นิติบุคคล และภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเพิ่มขึ้นอีกปีละ 1 แสนล้านบาท หากรวมเงินที่เพิ่มขึ้นในระบบเศรษฐกิจไทยทั้งหมดจากโครงการรับจำนำข้าว จะมากถึงกว่าปีละ 1 ล้านล้านบาท ขณะที่ความเสียหายจากโครงการประมาณ 500,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่คำนวณจากผลขาดทุนในโครงการ 3 ปี ถือว่ามีความคุ้มค่าในภาพรวมต่อระบบเศรษฐกิจไทยมากกว่า

"การชี้แจงรอบนี้ถือว่าให้ข้อมูลครบถ้วน มีประเด็นที่ให้ข้อมูลเพิ่มเติม 12 ข้อ และมั่นใจว่าอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ไม่ได้ปล่อยปละละเลย ส่วนที่มีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว อดีตนายกฯได้วางมาตรการดูแลทั้งการตรวจสอบ ลดความเสี่ยง และปราบปรามการทุจริต ไม่ได้ปล่อยให้เกิดความเสียหาย หากสุดท้ายแล้วคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงฯยังยืนยันฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย ก็ต้องพิสูจน์ว่าละเลยปฏิบัติหน้าที่อย่างไร เพราะข้อมูลที่ให้ครบถ้วนว่าไม่ได้ละเลย" นายนิวัฒน์ธำรง กล่าว

พร้อมระบุว่า หากพิจารณาถึงจำนวนงบประมาณที่แต่ละประเทศใช้ช่วยเหลือประชาชน พบว่า สหรัฐฯ ใช้งบถึง 2.6-2.7 ล้านล้านบาท, ญี่ปุ่น 2 ล้านล้านบาท และไทย 600,000 ล้านบาทสำหรับโครงการ 3 ปี


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ