ขณะที่ บมจ.การบินไทย (THAI) คนร.รับทราบแผนงานแก้ไขปัญหาระยะสั้น (Quick Win) ตามที่ บมจ.การบินไทยเสนอ ซึ่งจะสามารถเพิ่มรายได้และลดค่าใช้จ่ายรวม 3,000 ล้านบาท โดยให้เพิ่มมาตรการลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น รวมทั้งพิจารณาสัดส่วนพนักงานให้มีความเหมาะสมกับภารกิจและทิศทางขององค์กร พร้อมมอบหมายให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาในรายละเอียดแผนการแก้ไขปัญหาระยะสั้น (Quick Win) และกำกับติดตามการดำเนินการให้เป็นไปตามเป้าหมายอย่างเคร่งครัดต่อไป และมอบหมายให้กระทรวงคมนาคมและกระทรวงการคลังเร่งหาทิศทางการดำเนินงานในระยะยาว
ด้านการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) คนร.ได้มอบหมายให้จัดทำแผนการพัฒนาที่ดินที่ไม่ได้ใช้ในการเดินรถ (Non-Core) และจัดส่งข้อมูลที่ดินดังกล่าวให้ คนร.พิจารณาภายในสิ้นเดือนพฤศจิกายนนี้ รวมทั้งจัดหาที่ดินในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล เพื่อเป็นที่ที่ประชาชนสามารถมาใช้ประโยชน์ เช่น การจัดทำพื้นที่ตลาด เป็นต้น โดยมอบให้กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงการคลังไปพิจารณาร่วมกัน
นอกจากนี้ ได้กำหนดให้ภาคเอกชนร่วมลงทุนและเป็นผู้ให้บริการรถไฟฟ้าสายสีแดงและ AirportLink แทน รฟท. โดยมอบให้กระทรวงคมนาคมพิจารณากำกับการดำเนินการให้เป็นไปตามนโยบายอย่างเคร่งครัด
ส่วนองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เร่งรัดให้มีการจัดทำแผนดำเนินการเพิ่มรายได้และลดค่าใช้จ่ายที่สามารถดำเนินการได้เองทันที ส่ง คนร.ภายในสิ้นเดือนนี้ พร้อมทั้งกำชับให้คณะกรรมการ ขสมก.เร่งหาข้อยุติการจัดซื้อรถโดยสาร NGV จำนวน 489 คัน รวมถึงทบทวนแผนการจัดซื้อรถโดยสารทั้งประเภทและจำนวนที่เหมาะสมให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องด้วย นอกจากนี้ได้มอบหมายให้กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงการคลัง พิจารณาพัฒนาระบบ E-ticket ให้สอดคล้องกัยระบบ E-payment เพื่อให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยมีสิทธิ์ใช้บริการตามนโยบายภาครัฐ
ด้านธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย(ธพว.) คนร.รับทราบความคืบหน้าในการแก้ปัญหาของธพว. ที่สามารถดำเนินการได้ตามเป้าหมายที่วางไว้
ส่วนบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) และบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) คนร.รับทราบความคืบหน้าในการดำเนินการตามแผนการแก้ไขปัญหาของบมจ.ทีโอที และบมจ.กสท. โดยมอบหมายให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารกำกับและติดตามการแก้ไขปัญหาองค์กร การใช้ประโยชน์ทรัพย์สิน และแก้ไขข้อพิพาทต่างๆ รวมถึงการกำหนดทิศทางของทั้ง 2 องค์กรให้สอดคล้องกับนโยบาย Digital Economy เพื่อแก้ไขปัญหาในระยะยาวต่อไป
ผู้อำนวยการ สคร.กล่าวว่า จะมีการประเมินผลรัฐวิสาหกิจกิจทั้ง 7 แห่ง 2 ระยะ ระยะแรก ถือว่าเป็นการแจกใบเหลือง ภายในสิ้นเดือนธันวาคม 2558 และระยะที่สองถือเป็นการแจกใบแดง ภายในสิ้นเดือนมีนาคม 2559
"โทษใบเหลืองใบแดง วันนี้ คนร.ยังไม่ได้พิจารณาในส่วนนี้ คงต้องไปรอในเดือนมีนาคม...นายกรัฐมนตรีอยากให้ทุกคนร่วมมือร่วมใจกัน นายกฯ มองว่าเป็นโอกาสในการปฏิรูป ถ้าเราร่วมมือร่วมใจกัน ข้อดีสถานการณ์วิกฤต คือเราสามารถเปลี่ยนเป็นโอกาสได้ ถ้าเราไม่เร่งปฏิรูปใช้โอกาสนี้ อีกหน่อยคงจะไม่ได้ฟื้นฟู ไม่เข้มแข็งสักที"นายเอกนิติ กล่าว