ส่วนในปี 58 นี้ USDA ได้ประเมินตัวเลขการส่งออกข้าวของโลกในปี 58 โดยคาดว่าอินเดียจะส่งออกข้าวได้ทั้งหมด 11.50 ล้านตัน ทำให้อินเดียกลับมาเป็นผู้ส่งออกข้าวอันดับหนึ่งของโลก รองลงมา คือ ไทยส่งออกได้ 9 ล้านตัน ตกลงมาเป็นอันดับ 2 จากปี 57 ที่ไทยส่งออกได้เป็นอันดับหนึ่ง ที่ปริมาณ 10.97 ล้านตัน ส่วนเวียดนามเป็นอันดับ 3 ที่ปริมาณ 6.2 ล้านตัน และปากีสถาน ที่ปริมาณ 4 ล้านตัน
สาเหตุที่อินเดียกลับมาเป็นผู้ส่งออกข้าวอันดับหนึ่งในปีนี้ เป็นผลมาจากการที่อินเดียมีสต๊อกข้าวมากถึง 30 ล้านตัน ทำให้ไม่มีพื้นที่เก็บ จำเป็นต้องระบายข้าวออก เหมือนเช่นไทยที่มีสต๊อกข้าว 18 ล้านตัน ส่งผลให้ทั้ง 2 ประเทศมีสต๊อกรวมกันถึง 40-50 ล้านตัน เกินปริมาณการค้าข้าวของโลกที่อยู่ที่ 35 ล้านตันต่อปี และกดดันให้ราคาข้าวโลกไม่สูงขึ้น
นายเจริญ กล่าวถึงการลงพื้นที่สำรวจข้าวในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อสำรวจผลผลิตข้าวนาปีปี 58/59 ว่า เบื้องต้น สมาคมฯ ได้จัดทำโครงการดูแลราคาข้าวหอมมะลิใหม่ปี 58/59 เพื่อช่วยรักษาเสถียรภาพราคาข้าวหอมมะลิให้ในอยู่ระดับราคาที่เหมาะสมแล้ว โดยการรับซื้อข้าวสารหอมมะลิ 100% ชั้น 2 ตันละไม่ต่ำกว่า 26,000 บาท ปริมาณ 100,000 ตัน เพื่อเก็บรักษาไว้ 3 เดือน นับตั้งแต่เดือนธ.ค.58-ก.พ.59
ด้านนางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า จากการลงพื้นที่สำรวจผลผลิตข้าวนาปีปี 58/59 ที่ จ.อุบลราชธานี พบว่าช่วงระหว่างเดือนพ.ย.-ธ.ค.58 ข้าวเปลือกหอมมะลิจะออกสู่ตลาดจำนวนมาก โดยเฉพาะในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ คาดจะมีผลผลิตประมาณ 6 ล้านตันข้าวเปลือก ซึ่งรัฐบาลมั่นใจว่าจะดูแลราคาข้าวเปลือกไม่ให้ตกต่ำได้ เพราะได้มีมาตรการช่วยเหลือ เช่น การรับจำนำข้าวเปลือกหอมมะลิที่ยุ้งฉางชาวนาตันละ 13,500 บาท รวมกับค่าฝากเก็บอีกตันละ 1,000 บาท รวมเป็น 14,500 บาท รวมวงเงิน 26,700 ล้านบาท เริ่มตั้งแต่วันที่ พ.ย.58- 28 ก.พ.59 เพื่อดูดซับผลผลิตออกจากตลาด มีเป้าหมาย 2 ล้านตัน