"แนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่คาดการณ์ว่าจะปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นในปี 59 มีอุปสรรคมากขึ้น และอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของยูโรโซนที่จะกระเตื้องขึ้นมาสู่ระดับ 1.8-2% ในปีหน้าอาจไม่เป็นไปตามคาดการณ์ไว้ โอกาสที่เศรษฐกิจโลกจะเติบโตได้ที่ระดับ 3.6% และปริมาณการค้าโลกขยายได้ที่ระดับ 4.1% มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น" นายอนุสรณ์ กล่าว
ขณะเดียวกันเหตุการณ์ดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย การท่องเที่ยว การส่งออกและการลงทุนในระดับหนึ่ง ซึ่งต้องติดตามพัฒนาการของสถานการณ์ต่อไปเพื่อประเมินเพื่อปรับตัวเลขการคาดการณ์ทางเศรษฐกิจในระยะต่อไป แต่ยังเชื่อว่า มีความเป็นไปได้สูงที่เศรษฐกิจไทยปีหน้าจะขยายตัวสูงกว่าปีนี้อย่างแน่นอน
นายอนุสรณ์ กล่าวว่า เหตุรุนแรงดังกล่าวจะส่งผลกระทบให้ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงอีก ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลง โดยเฉพาะธุรกิจอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและธุรกิจต่อเนื่อง สายการบิน ธุรกิจท่าอากาศยาน ต้นทุนในการเดินทางและประกอบธุรกิจจะปรับตัวสูงขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งในยูโรโซน และเศรษฐกิจของฝรั่งเศสจะได้รับผลกระทบโดยตรงมากที่สุด โอกาสที่เศรษฐกิจของฝรั่งเศสจะกระเตื้องขึ้นจากปีที่แล้วก็มีความเป็นไปได้ลดลง เดิมคาดการณ์ว่า อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจฝรั่งเศสในปีนี้และปีหน้าจะอยู่ที่ 1.2% และ 1.5% ตามลำดับ ซึ่งน่าจะปรับลดลงแน่นอน
ส่วนผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยว สายการบินของไทยคงมีระดับหนึ่งแต่ไม่น่าจะมาก แต่จะกระทบต่อฐานะทางการเงินของการบินไทยซึ่งย่ำแย่ที่สุดตั้งแต่ก่อตั้งมาให้ทรุดตัวลงไปอีก การขาดทุนในระดับสูงกว่า 20,000 ล้านในปีนี้ของการบินไทยมีความเป็นไปได้ โดยรัฐบาลจำเป็นต้องกู้เงินมาพยุงฐานะของการบินไทยเพื่อให้สามารถดำเนินต่อไปได้ และการปลดคนออกจากงานควรเป็นทางเลือกสุดท้ายในการลดค่าใช้จ่ายและรักษากิจการเอาไว้
"ผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยโดยรวมยังไม่สามารถประเมินได้ในขณะนี้ ขึ้นอยู่กับว่าชาติตะวันตกสามารถควบคุมสถานการณ์ได้หรือไม่และสถานการณ์จะพัฒนาไปในทิศทางไหน หากปัจจัยนี้ลุกลามและทำให้พื้นที่สงครามในซีเรียและอิรักขยายวงอาจมีผลทำให้อุปทานน้ำมันลดลง จะผลักดันให้ราคาน้ำมันสูงขึ้นได้ในระยะสั้น การก่อการร้ายในปารีสจะเป็นการเปิดทางให้ชาติตะวันตกสร้างความชอบธรรมในการใช้ปฏิบัติการทางการทหารเพิ่มเติมในพื้นที่ซีเรียและอิรักที่อยู่ภายใต้การยึดครองของ ISIS นอกจากนี้จะเกิดโรค Islamophobia โรคหวาดระแวงคนอิสลาม นำไปสู่ Islamophobic Hate Crimes การก่ออาชญากรรมต่อชาวมุสลิมผู้รักสันติจากความเกลียดชัง ทุกๆครั้งที่มีเหตุการณ์น่าสลดเช่นนี้ ก็จะส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจและสันติสุขของสังคม ฉะนั้นผู้มีอำนาจรัฐในทุกประเทศต้องบังคบใช้กฎหมายและรักษาความสงบเรียบร้อยด้วยการสร้างกระแสแห่งความรักความเข้าใจซึ่งกันและกันแทนที่ความเกลียดชังและหวาดระแวง ด้วยการเคารพในสิทธิมนุษยชน ความเสมอภาคเท่าเทียมบนความแตกต่างหลากหลายทางด้านอารยธรรมและความศรัทธาความเชื่อ หากเกิดกระแสความหวาดกลัว การแบ่งแยกทางสังคม เกิดกระแสอคติระหว่างเชื้อชาติและศาสนา เท่ากับขบวนการก่อการร้ายชนะแล้ว เราต้องช่วยกันไม่ให้เกิดกระแสแตกแยกเหล่านี้" นายอนุสรณ์ กล่าว
นายอนุสรณ์ กล่าวว่า หากเราทำลายหลักนิติธรรมและหลักสิทธิมนุษยชนเท่ากับเราส่งเสริมลัทธิก่อการร้าย เราต้องเอาชนะขบวนการก่อการร้ายด้วยการเคารพกฎหมายระหว่างประเทศและไม่ทำให้ สงครามต่อต้านการก่อการร้ายกลายเป็นการก่อการร้ายซ่อนรูปหรือเป็นอีกรูปแบบหนึ่งของการก่อการร้าย และต้องแก้ไปที่รากเหง้าของปัญหา คือ ต้องทำให้ระบบของโลกมีความเป็นธรรมมากขึ้นหรือมีโลกาภิบาล(Global Good Governance) นั่นเอง