นอกจากนี้ รมว.พาณิชย์ ยังได้ติดตามความคืบหน้าประเด็นเพิ่มการนำเข้าสินค้าเกษตรจากไทย ซึ่งนายกรัฐมนตรีของไทยได้เคยหารือกับนายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่นไว้ เช่น การเพิ่มปริมาณโควตานำเข้าหมูแปรรูปจากไทย และการอนุญาตนำเข้ามะม่วงจากไทยเพิ่มเติม
รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า ไทยและญี่ปุ่นได้หารือเกี่ยวกับประเด็นต่างๆ ภายใต้ความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจ ไทย-ญี่ปุ่น (JTEPA) ในการนี้ไทยเห็นว่าทั้งสองฝ่ายสามารถที่จะพิจารณาหาแนวทางขยายมูลค่าการค้าระหว่างกัน และให้มีการหารือกันอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะหารือเพื่อเปิดตลาดสินค้าเพิ่มเติมด้วย นอกจากนี้ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะให้ข้อมูลกับภาคเอกชน เพื่อขยายช่องการลงทุนระหว่างกัน ทั้งนี้ไทยพยายามดำเนินการเพื่อปรับปรุงสภาพแวดล้อมทางธุรกิจให้มีความน่าลงทุนเพิ่มมากยิ่งขึ้น และไทยมีการรับฟังความคิดเห็นจากภาคเอกชนอย่างต่อเนื่อง
รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า ไทยและญี่ปุ่นยังได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการดำเนินการภายใต้กรอบความร่วมมือพหุภาคีและภูมิภาคต่างๆ เช่น การจัดทำความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค(RCEP) การประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค (AELM) ครั้งที่ 23 และการประชุมระดับรัฐมนตรี WTO ครั้งที่ 10 ในเดือนธันวาคม 2558 ณ ประเทศเคนยา เป็นต้น
ทั้งนี้ ญี่ปุ่นเป็นประเทศคู่ค้าสำคัญของไทย โดยในปี 2557 ญี่ปุ่นเป็นคู่ค้าอันดับที่ 2 ของไทย รองจากจีน และมีมูลค่าการค้ารวมกับไทยประมาณ 57,531.15 ล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับปี 2558 (มกราคม-กันยายน) การค้ารวมระหว่างไทยกับญี่ปุ่นมีมูลค่า 39,036 ล้านเหรียญสหรัฐ (ลดลงร้อยละ 9.44) โดยไทยส่งออกมูลค่า 15,237 ล้านเหรียญสหรัฐ (ลดลงร้อยละ 6.98) และนำเข้ามูลค่า 23,799 ล้านเหรียญสหรัฐ (ลดลงร้อยละ 10.96) ส่งผลให้ไทยเป็นฝ่ายขาดดุลกับญี่ปุ่นเป็นมูลค่า 8,561 ล้านเหรียญสหรัฐ ทั้งนี้ สินค้าส่งออกสำคัญของไทยไปญี่ปุ่น ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ไก่แปรรูป เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ และเครื่องรับวิทยุโทรทัศน์และส่วนประกอบ เป็นต้น สำหรับสินค้านำเข้าสำคัญของไทยจากญี่ปุ่น ได้แก่ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ ส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์ เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ และเคมีภัณฑ์ เป็นต้น