"วันนี้ถือว่าเป็นมิติใหม่ของการทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชน ที่จะสานฝันผลักดัน SME ให้มีความเข้มแข็ง ให้เกิดเป็นรูปธรรมได้ โดย บมจ.ธนพิริยะ ซึ่งมีความมุ่งมั่นและตั้งใจ สามารถขยายกิจการออกไปจนมียอดขายราว 1,200 ล้านบาท และมีมาร์เกตแคป 1,400 ล้านบาท ซึ่งเป็นตัวอย่างที่ดี และภาครัฐอยาจะส่งเสริม โดยวันนี้จึงมีความจำเป็นที่จะต้องเตรียมการค้าปลีกค้าส่งไทยให้สามารถจะเข้าไปเจาะตลาดเพื่อนบ้านได้" รมช.พาณิชย์ กล่าว
พร้อมมองว่า การระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งผู้ประกอบการจะต้องทำงานหนัก และอยู่ในธรรมาภิบาลที่ดี โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้จัดทำข้อมูลบริษัทที่มีศักยภาพหรือสามารถเป็นต้นแบบธุรกิจค้าส่งและค้าปลีกไว้ ซึ่งขณะนี้ในธุรกิจค้าส่งมีจำนวน 88 ราย และธุรกิจค้าปลีกอีกราว 10,000 ราย โดยกระทรวงพาณิชย์มีนโยบายลงไปสู่ระดับร้านค้าชุมชน ตลาดชุมชน รวมถึงวิสาหกิจชุมชน เป็นต้น และเชื่อว่าในอนาคตกรมพัฒนาธุรกิจการค้าจะผลึกกำลังร่วมกับกรมการค้าภายใน และหน่วยงานส่วนอื่นๆ ของกระทรวงพาณิชย์ เพื่อเข้าไปสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจชุมชนให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น
นอกจากนี้ ได้ประเมินธุรกิจค้าปลีกค้าส่งที่ยังมีศักยภาพที่จะเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จากข้อมูลของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ซึ่งคาดว่าจะมีอีก 2 บริษัท และมองไปถึงธุรกิจแฟรนไชส์ที่น่าจะมีศักยภาพอีกประมาณ 20 ราย