นอกจากนี้ ไทยยังได้เสนอผลการศึกษาเรื่องการนำเอสเอ็มอี ในสาขาเกษตรเข้าสู่ห่วงโซ่การผลิตอาหารของโลก ซึ่งได้แจ้งสมาชิกเอเปกว่าไทยกำลังเร่งศึกษามาตรการที่มิใช่ภาษีและสภาพแวดล้อมการทำธุรกิจภายในประเทศสมาชิกเอเปกที่เป็นอุปสรรคต่อการเข้าตลาดระหว่างประเทศของเอสเอ็มอี รวมถึงเกษตรกร โดยไทยจะจัดสัมมนา เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลดังกล่าว และจัดทำแนวทางแก้ไขอุปสรรคร่วมกับสมาชิกเอเปก พร้อมทั้งสร้างเครือข่ายภายในอุตสาหกรรมดังกล่าวสำหรับนำไปสู่การขยายโอกาสทางการค้าของเอสเอ็มอีไทยในสาขาเกษตร และให้ไทยเป็นครัวของโลกที่แข็งแกร่งต่อไป
นางอภิรดี กล่าวว่า การประชุมเอเปกปีนี้ ฟิลิปปินส์ได้ผลักดันเรื่องการค้าบริการ เพราะเป็นปัจจัยสำคัญต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในโลกยุคใหม่ รวมทั้งจะก่อให้เกิดการจ้างงานมากขึ้น และยังเป็นโอกาสแก่เอสเอ็มอี ในการให้บริการลูกค้าผ่านทางพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเอเปกจะกำหนดยุทธศาสตร์ด้านการลดข้อจำกัดการค้าและการลงทุนภาคบริการ เพื่อกระตุ้นให้สมาชิกเอเปกมีการเปิดตลาดการค้าบริการเพิ่มมากขึ้น
“การดำเนินงานของเอเปกจะเป็นโอกาสดี ในการผลักดันสาขาบริการที่ไทยมีศักยภาพในการส่งออก เช่น ท่องเที่ยว แฟรนไชส์ ค้าปลีกค้าส่ง ร้านอาหาร บริการด้านสุขภาพ และธุรกิจภาพยนตร์ และในการพัฒนาสาขาบริการที่จะเป็นฐานรายได้ใหม่ๆ ของประเทศ เช่น คมนาคมขนส่งและสื่อสาร บริการด้านโลจิสติกส์ สาธารณสุข และบริการการเงิน"นางอภิรดี
สำหรับการหารือถึงการจัดทำเขตการค้าเสรีของเอเชีย-แปซิฟิก หรือเอฟแทป(FTAAP)ที่เอเปกได้เริ่มการหารือมาตั้งแต่ปี 50 นั้น สมาชิกเอเปกได้ตกลงที่จะร่วมกันจัดทำการศึกษาผลกระทบของการจัดทำ FTAAP โดยจะนำเสนอผลการศึกษาได้ภายในปีหน้า คาดว่า จะมีข้อเสนอแนะเพื่อนำไปสู่การเจรจาได้โดยเร็ว